ไทยหนุนประเทศสมาชิกพัฒนาด้านการขนส่งในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมสำหรับความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ระดับรัฐมนตรี (Joint Committee for the Greater Mekong Subregion Cross Border Transport Facilitation Agreement: JC GMS CBTA) ครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรม Crowne Plaza Hotel นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) โดยมีนายงามประสง เมืองมะนี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นประธาน และ Mr. Lee Dong Kyu ผู้อำนวยการ สำนักงานด้านการขนส่งเอเชียใต้และเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) เป็นประธานร่วม พร้อมด้วย นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้แทนกรมทางหลวง กองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว

ทั้งนี้ ที่ประชุมรับทราบผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (National Transport Facilitation Committee Senior Officials’ Meeting: NTFC SOM) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ในประเด็นผลของการกลับมาดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ “ระยะแรก” (Early Harvest) ของความตกลง CBTA อีกครั้ง และความคืบหน้าของการเจรจาเพื่อจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศและจุดข้ามแดนเพิ่มเติม ภายใต้พิธีสาร 1 ของ CBTA (CBTA Protocol 1 Extension MOU) ฉบับที่ 2 โดยคาดว่าการเจรจาจะแล้วเสร็จในปี 2568 ทั้งนี้ แผนงานปี 2567 – 2571 กำหนดให้มีการหารือการปรับปรุงความตกลง CBTA (CBTA 2.0) ให้มีความทันสมัยและง่ายต่อการปฏิบัติ และควรมีการประชุม NTFC-SOM และ JC GMS CBTA ให้บ่อยครั้งยิ่งขึ้น เพื่อร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการลดปัญหาอุปสรรคของผู้ประกอบการขนส่งเดินรถข้ามแดนภายใต้ GMS CBTA และเพื่อให้การกลับมาดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจ Early Harvest เป็นไปตามแผนงาน


 
นายสุรพงษ์ ได้เน้นย้ำว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินงานตามความตกลง GMS CBTA รวมทั้งร่วมมือกับประเทศสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง (ไทย สปป.ลาว เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม และจีน) เพื่อพัฒนาด้านการขนส่งในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระดับอนุภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มศักยภาพด้านการคมนาคมขนส่งและสนับสนุนการยกระดับเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยและประเทศสมาชิก ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

Message us