เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายฐิติวัชร บุญกิจ นายอำเภอกะทู้ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สสอ.กะทู้ นายกอบต.กมลา องค์กรจัดการน้ำเสีย ต.กมลา มูลนิธิรักษ์สิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่สอบสวนการปล่อยน้ำเสียลงสู่ทะเล บริเวณคลองสวนสาธารณะ ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุตามที่ได้รับแจ้งพบว่า มีน้ำในลำคลองสีดำ พิจารณาสาเหตุการเกิดน้ำเสีย คือ 1.ต้นน้ำ มีการปล่อยน้ำเสียจากแหล่งต่างๆไหลมารวมกัน ทำให้เกิดการสะสม 2.กลางน้ำ เกิดการสะสมทำให้มีไขมันอุดตันของท่อระบาย 3.ปลายน้ำ ก่อนออกสู่ทะเลมีสันทรายที่ทะเลซัดมาก่อให้เกิดเป็นเนินสูง ทำให้มีช่องทางระบายน้ำที่แคบ
สำหรับ แนวทางการแก้ไขระยะเร่งด่วน คือ การตักไขมันการเปิดทางน้ำก่อนออกสู่ทะเลให้กว้างขึ้น การประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือเรื่องการจัดการคัดแยกขยะ การแก้ไขระยะกลาง คือ การทำกังหันชัยพัฒน์เพื่อเป็นการเติมออกซิเจนให้กับน้ำ ขอความร่วมมือสถานประกอบการบำบัดน้ำเสียก่อนระบายน้ำ ส่วนการแก้ไขระยะยาว การขุดลอกคูคลอง เกิดการตกตะกอนที่สะสม ทำให้เป็นสีดำ โดยมีองค์กรจัดการน้ำเสีย กระทรวงมหาดไทย แต่สามารถจัดการน้ำได้อย่างจำกัด
ด้าน สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 (สทช.10) โดยศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี บริเวณพื้นที่อ่าวพลับพลา เกาะราชาใหญ่ ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ได้รับแจ้งจากประธานกลุ่มชุมชนปกป้องตนเองเกาะราชาใหญ่ พบปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีคล้ายคราบน้ำมัน จึงประสานงานให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบปรากฏว่า เป็นปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬหรือแพลงก์ตอนบลูม ความยาวตลอดชายหาด 200 เมตร ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล สีแดง หรือสีเขียว เป็นต้น
ทั้งนี้ เนื่องมาจากการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมหาศาลของสาหร่ายเซลล์เดียวในทะเล ซึ่งทำให้เห็นน้ำทะเลเป็นสีที่ต่างออกไปจากเดิม และปรากฏการณ์นี้อาจเป็นอันตรายต่อปลาและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในทะเล จึงได้เก็บตัวอย่างน้ำนำกลับมาให้ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ตรวจสอบหาสาเหตุของปรากฏการณ์ดังกล่าวต่อไป
ข่าว/ภาพ : อชัถยา ชื่นนิรันดร์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดภูเก็ต
