
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะทำงานนโยบายเกษตรพรรคเพื่อไทย นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ,ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย, คณะทำงานด้านนโยบายเกษตรพรรคเพื่อไทย, คณะนโยบายพรรคเพื่อไทย, คณะทำงานนโยบายต่างประเทศพรรคเพื่อไทย และสมาชิกพรรค เข้่ร่วมงาน Thaifex Anuga 2023 บู๊ทสภาหอการค้า Challenger Hall 2 อิมแพค เมืองทองธานี โดยมี น.ส.ณัฐิยา สุจินดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก และ นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาหอการค้าไทยและคณะ ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ คณะของพรรคเพื่อไทยได้เข้าพูดคุยหารือถึงแนวทางการยกระดับสินค้าเกษตรไทยด้วยนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการส่งออก สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการรายย่อยและเกษตรกรมากขึ้น ด้วยการปรับกำลังการผลิตของไทยให้สอดคล้องกับเทรนด์และความต้องการใหม่ๆ ของตลาดโลก ตลอดจนอาหารแห่งอนาคต โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนและนักลงทุนชาวต่างชาติเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก หลายท่านให้ความสนใจเข้ามาขอถ่ายภาพพร้อมทั้งบอกว่าเป็นเอฟซีพรรคเพื่อไทย และยังส่งกำลังใจให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่สะสมมานานอีกด้วย

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า การมาเยี่ยมชมผู้ประกอบการในครั้งนี้เพื่อมองหาแนวทางในการส่งเสริมศักยภาพของสินค้าเกษตรไทย ด้วยการแปรรูปอาหาร นำเครื่องมือและเทคโนโลยีอาหารมาใช้ พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าเอกชนเป็นเครื่องจักรสำคัญในการสร้างรายได้ และเชื่อมกับเกษตรกรทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาสินค้าเกษตรไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก แต่มีจำนวนอุปทานไม่พอ ผู้ซื้อจึงต้องหันไปพึ่งประเทศข้างเคียงเพื่อตอบสนองความต้องของตลาด เช่น ไข่นกกระทา ลิ้นจี่ ข้าวโพด สับปะรด มะละกอ เป็นต้น

ด้าน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ผลผลิตเกษตรจากการปลูกในประเทศยังมีโอกาสอีกมาก เพียงต้องเข้าใจตลาดและทราบถึงความต้องการของผู้แปรรูป เช่น ถั่วเหลือง ซึ่งเป็นพืชโปรตีนสูงที่นำมาผลิตเป็นโปรตีนทดแทน (plant based protein) ยังมีการนำเข้าอยู่มากเพื่อมาแปรรูปในประเทศ หากปรับเปลี่ยนข้อจำกัดและส่งเสริมให้เพิ่มปริมาณการผลิตได้ ผลักดันนโยบาย “ถั่วหลังนา” จะสามารถลดต้นทุนการนำเข้า เพิ่มการแปรรูป ขยายโอกาสในการส่งออกได้อีกมาก รวมไปถึงพืชอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด ที่ยังมีการนำเข้าจากภายนอกประเทศอยู่มาก หากส่งเสริมการผลิตในประเทศได้จะช่วยลดต้นทุนอาหารสัตว์ ทำให้ปศุสัตว์ในประเทศมีศักยภาพในการส่งออกมากขึ้น แนวคิดเหล่านี้จะช่วยเพิ่มรายได้เกษตรกรให้เป็น 3 เท่าได้ตามเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย

ขณะที่ นายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า งาน Thaifex Anuga 2023 เป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่อันดับ1ของเอเชีย และอันดับ4ของโลก ซึ่งในครั้งนี้มีนักลุงทุนรวม 67,294 ราย เป็นนักลงทุนจากต่างประเทศมากถึง 11,503 ราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ซื้อจากตะวันออกกลาง ซึ่งหลังประเทศคลายล็อคจากวิกฤตโควิดครั้งนี้ มีผู้ประกอบการมาร่วมมากกว่า 3,000 ราย เชื่อมต่อผู้ผลิตกับผู้ซื้อ ดันอาหารไทยสู่ครัวโลก พรรคเพื่อไทยมองเห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมอาหารที่จะมาช่วยผลักดันเศรษฐกิจประเทศ ทั้งในด้านการยกระดับมูลค่าสินค้าเกษตร การสร้างสรรค์นวัตกรรมของอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปอาหาร การพัฒนาอาหารสุขภาพด้วยแนวคิดอาหารคือยา การดึงดูดนักท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้ภาคบริการ การสร้างและส่งออก softpower ของประเทศ การเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงความยั่งยืนทางอาหารและสิ่งแวดล้อม จึงยกทีมมาดูและพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้ประกอบการเพื่อเรียนรู้ถึงความท้าทายและอุปสรรคต่างๆ เพื่อจะได้เตรียมพร้อมรับใช้ประชาชนทันทีที่มีโอกาส
