
น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานเปิดการบันทึกการแสดงฟ้อนเล็บอัตลักษณ์ตามแบบคุ้มพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ลงใน “กินเนสส์บุ๊ก” หรือ “กินเนสส์เวิลด์ เรคคอร์ดส์” (Guinness Book of World Records) “Guinness world record The largest Thai dance” โดยมี นางเทียบจุฑา ขาวขำ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายกสมาคมสตรีนครเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ พี่น้องประชาชน สื่อมวลชน เข้าร่วม


น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นสักขีพยานในการบันทึกการการแสดงฟ้อนเล็บอัตลักษณ์ตามแบบคุ้มพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ลงใน “กินเนสส์บุ๊ก” หรือ “กินเนสส์เวิลด์ เรคคอร์ดส์” “Guinness world record The largest Thai dance” ในวันนี้ แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีศิลปะและวัฒนธรรมที่โดดเด่น ประชาชนมีความเข้มแข็ง มีความรักความสามัคคี มีความสุข และร่วมกันอนุรักษ์สืบสาน รักษา และต่อยอด ศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นไว้ได้อย่างดียิ่ง จึงมีความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก และเนื่องในโอกาสที่จังหวัดเชียงใหม่จะก้าวสู่ 730 ปี จึงขอถือโอกาสนี้สร้างการรับรู้ให้เด็ก เยาวชน ประชาชนมีจิตสำนึกแสดงกตเวทิตาต่อบูรพกษัตริย์ล้านนา เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และผลักดันให้เมืองเชียงใหม่ก้าวสู่เมืองมรดกโลกขององค์การยูเนสโก


ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดงาน พิธีสมโภชเชียงใหม่ 729 ปี “นครเชียงใหม่เมืองแห่งความสุขด้วยวิถีวัฒนธรรมอย่าง ยั่งยืน” ถือเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ทำให้มีความโด่นเด่นด้านศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ประเพณีที่มีเอกลักษณ์ล้านนา สืบสานเสน่ห์ความเป็นล้านนาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรู้จัก จังหวัดเชียงใหม่ในนามเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมประเพณีที่งดงามของประเทศไทย เป็นไปตามที่รัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรม ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและ Soft Power ของไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปสู่ระดับนานาชาติ นำเศรษฐกิจวัฒนธรรม ผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ยกระดับการ ท่องเที่ยว และเทศกาสสู่เวทีโลก โดยมีเป้าหมาย “ผลักดันให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 25 ประเทศ ที่มีอิทธิพลด้าน Soft Power ในมิติวัฒนธรรม เป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกมาเที่ยวในมิติด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
