“เฉลิมชัย”ฉุนสส.ปชป.ย้ายพรรคประกาศลั่นหมดเวลาเกรงใจติดแฮชแท็กรัวรัวไม่เคยหักหลังใคร

เมื่อวันที่11พ.ย.2565 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า หมดเวลาเกรงใจ…นักเลงพอ ขอยอมตาย ไม่ยอมแพ้ รวมใจสามัคคี ศึกนี้ต้องชนะ!! พร้อมกวาดทุกเก้าอี้ ส.ส. เพื่อกู้ศักดิ์ศรีพรรคกลับคืนมา “ครอบครัวประชาธิปัตย์ ครอบครัวเฉลิมชัย” หากไม่สัตย์ซื่อต่อครอบครัว #จะซื่อสัตย์ต่อประชาชนได้อย่างไร #พร้อมให้โอกาสไม่ใช่แค่ลมปาก #ไม่เคยหักหลังใครเพราะคนในครอบครัวเขาไม่ทำกัน #พร้อมให้อภัย #พร้อมเดินเคียงข้าง #ไม่ขายฝันแล้วฟันทิ้ง

ครอบครัว คือ สถาบันที่อบอุ่น, ปลอดภัย,ที่พักใจเมื่อเราบอบช้ำ,ที่ให้กำลังใจกันในวันที่อ่อนแอ,และพร้อมให้อภัยกันในยามที่เข้าใจผิดกัน และเป็นที่บ่มเพาะให้เราแข็งแกร่ง เข้มแข็ง พร้อมเจอกับทุกอุปสรรคที่เข้ามาท้าทาย หากสถาบันครอบครัวแห่งนี้ยังมีกลิ่นความรัก และเสียงหัวเราะ ไม่มีใครทำอะไรครอบครัวเราได้

ตลอดที่ผ่านมาผมจะใช้คำว่า “ครอบครัว” เสมอเพราะคนที่เข้ามา จะ เปรียบเสมือน พี่ น้อง ของเราแท้ๆ จึงปฏิบัติด้วยความรัก และไม่กล้าจะทำผิดต่อกัน มีหลายครั้งที่เราดูเป็นคนโง่ เพราะเราไม่หักหลังใคร…ไม่ผิดคำพูดใคร…และยึดถือ คติประจำใจว่า “คำไหน…คำนั้น” จึงทำให้เราดูเป็นคนโง่ไปบ้าง แต่เวลาก็จะเฉลยทุกสิ่ง อาจจะไม่ทันใจเรา และต้องใช้เวลาเพื่อพิสูจน์คำพูดของเรา แต่มันแลกมาด้วย “มิตรแท้” ที่พร้อมเดินไปกับเรา “สัจธรรมชีวิต” ไม่ว่าเวลาจะผ่านไป แต่ก็ไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา

ใครเข้ามาเพื่ออะไรมองรู้…แต่ไม่หักพี่ หักน้องก็เท่านั้นเอง หากไม่จริงใจต่อกัน ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ใครพี่ ใครน้อง ผมมองชัดเสมอ “ครอบครัวเฉลิมชัย” คำไหน…คำนั้น

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคปชป. และนายเฉลิมชัย จะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช จำนวน 9 เขต แต่มีรายงานว่า น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช แจ้งความประสงค์ต่อผู้บริหารพรรค จะไม่ไปร่วมงานดังกล่าว เนื่องจากจะย้ายพรรคไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)นอกจากนี้มีสส.ภาคใต้อีกหลายคนจะย้ายไปด้วยรวมทั้งภาคอื่นๆด้วย

ด้านนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส. นครศรีธรรมราชและรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ใครลาออกแม้แต่คนเดียว เพราะแต่ละคนที่ออกไปก็เป็นคนที่มีศักยภาพสูง ทำงานให้กับพรรคฯ มานาน เป็นพี่เพื่อนน้องที่ร่วมลงสนามเลือกตั้งกับพรรคประชาธิปัตย์ในหลายๆครั้ง รวมทั้ง อยากให้อยู่กับพรรคฯ ไปนานแสนนาน เพราะเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าจะสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไร ในอนาคตจะ มีการตั้งพรรคเพื่อหนุนคนอีกสักร้อยพรรคพันพรรค พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังคงอยู่ทำงานรับใช้ประชาชนต่อไป ตราบชั่วฟ้าดินสลาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ตัดสินใจไปแล้ว ทางพรรคฯ ต้องยอมรับและเดินหน้าหาคนใหม่ๆ ที่มีใจและอุดมการณ์เดียวกันกับพรรคฯ ในการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะถึงนี้ และถือว่า การที่มีบุคคลระดับแกนหลักและแม่เหล็กในพื้นที่ของพรรคฯ ลาออกมาเพื่อตั้งพรรคใหม่ หรือย้ายไปพรรคการเมืองอื่น ก็ถือเป็นเรื่องที่ทุกคนในพรรคฯ จะต้องปรับกลยุทธ์กันใหม่ โดยเฉพาะตัวบุคคลที่จะต้องชนกับ ส.ส.คนเดิมที่ย้ายออกไป เพื่อที่จะให้ได้ตามเป้าหมายที่พรรคประชาธิปัตย์วางไว้ว่า จะต้องได้ ส.ส.มากกว่าคราวที่แล้ว คือเกิน 52 คนขึ้นไป

” ผมคิดว่า การที่ประชาชนและสื่อมวลชนกังวลว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์มีเลือดไหลออกตลอดเป็นระยะๆ โดยเฉพาะแกนนำสำคัญหรือ ส.ส.ที่การันตีคะแนนเสียงให้กับพรรคฯ ออกไปแล้ว พรรคจะไม่สามารถดำรงสถานะเป็นพรรคการเมืองหลักได้นั้น  อาจจะเป็นการมองในมุมมองที่ยึดตัวบุคคลที่เป็นผู้นำพรรคฯ จนลืมไปว่า พรรคการเมืองที่ดี จะต้องมีความต่อเนื่องในการทำงานให้กับประชาชน  เพราะฉะนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นการเปิดโอกาสให้มีการถ่ายเลือดใหม่ เพื่อเป็นการทดแทนเลือดเก่าที่ออกไป ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์คุ้นเคยอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มากเท่ากับที่เกิดขึ้น จนนำมาซึ่งความวิตกกังวลของประชาชนและสื่อมวลชนที่ตั้งข้อสังเกตในเวลานี้”  นายชัยชนะกล่าว

Message us