หลวงพี่น้ำฝนสะกดรอยหลวงตา WFH ขับกระบะบิณฑบาตข้ามจังหวัด

จับจนระอา หลวงพี่น้ำฝนประสานกำลัง เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.นครปฐม เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดปฏิบัติการพิเศษจังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม บุกสะกดรอยข้ามจังหวัดตามพระขับเก๋งออกบิณฑบาตข้ามจังหวัด โดยเมื่อรวบตัวได้ถึงกับร้องอ๋อ เพราะเป็นหลวงตา WFH เจ้าเดิมที่เคยจับมาแล้วสองครั้ง ลักษณะบวชแล้วไม่อยู่วัด แต่มาเวิร์คฟอร์มโฮมที่บ้าน เจ้าตัวปฏิเสธไม่ออกตอบเสียงนิ่ง จะไม่ทำแล้ว หลวงพี่น้ำฝน พฤติกรรมแบบนี้ทำศาสนาเสื่อมเสียแอบบวชเมื่อไหร่ ผิดเมื่อไหร่ตามศึกเมื่อนั้น ขณะที่ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ทำเอกสารส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขึ้นทะเบียนรายชื่อห้ามกลับมาบวชอีกเนื่องจากก่อความเสื่อมเสียในพระพุทธศาสนาหลายครั้ง

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะคณะทำงานดำเดินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 ประสาน พ.อ.ภูมิพศุตม์ เตี๊ยะเพชรดี รอง ผอ.รมน.จังหวัดนครปฐม และมอบหมายให้ พ.ท.ประเสริฐพร สุขนิพิฐพร , ร.อ.วัชรทัต ทองสว่าง ร่วมสนธิกำลังกับ นายพรชัย โพธิ์ทองนาค ปลัดอำเภอนครชัยศรี นายภูวิส ภิรมย์เบี้ยว ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดนครปฐม นายสมรักษ์ ท้วมสุข ปลัดอำเภอเมืองนครปฐม นายธานี พิกุลทอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม คณะทำงานพระวินยาธิการวัดไผ่ล้อม ลงพื้นไปตรวจสอบยังบ้านเลขที่ 521/22 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม หลังจากได้รับแจ้งว่า มีพระมาอาศัยอยู่ในบ้านพักและไม่ยอมกลับไปพำนักยังวัดต้นสังกัดนานเป็นเวลาแรมเดือน และคาดว่าจะเป็นเป้าหมายเดิมที่หลวงพี่น้ำฝนเคยจับสึกมาแล้ว

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจประสานงานร่วม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบยังบ้านเลขที่ดังกล่าว พบว่ามีรถกระบะโตโยต้าสีบรอนซ์ทอง ทะเบียน นครปฐม จอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว จึงได้จัดกำลังซุ่มรอเพื่อตรวจสอบ กระทั่งได้มีชายแต่งกายเป็นพระขับรถกระบะคันดังกล่าวออกมาจากบ้านและมุ่งหน้าไปยังจังหวัดราชบุรี เจ้าหน้าที่ได้มีการสะกดรอยตามไปห่างๆชายคนดังกล่าวได้ขับรถ มาจอดในลานจอดรถที่สถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง และได้แต่งกายโดยอุ้มบาตรเดินออกไปที่ตลาดอยู่ห่างไปประมาณ 200 เมตร จากนั้นได้เริ่มเดินบิณฑบาต ไม่นานก็ได้ถูกเจ้าหน้าเทศกิจ มาสั่งให้เดินออกไปจากพื้นที่ เนื่องจากมีประชาชนได้ร้องเรียนว่า มีพระต่างถิ่นมาอาศัยเดินรับบาตรโดยไม่ทราบว่าเป็นใคร ทีมติดตามได้เห็นใบหน้า จึงยืนยันแน่ชัดว่า คือ พระเรืองชัย เตชปัญโญ อายุ 78 ปี หรือ หลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮม ที่เคยถูกหลวงพี่น้ำฝนติดตามจับกลุ่ม และทำการศึกมาแล้ว 2 ครั้ง

เมื่อพระเรืองชัย ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่เทศกิจมาขับไล่และแจ้งว่า ไม่สามารถจะมาเดินบิณฑบาตในบริเวณดังกล่าวได้จึงรีบเดินกลับมาที่รถและมาพบชุดติดตามจึงเกิดความตกใจรีบขับรถยนต์กระบะออกไปจากสถานีตำรวจภูธรบ้านโป่ง แต่ไปไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่ขวางสกัดจับได้ หลังขับออกไปได้เพียง 1 กิโลเมตร พระเรืองชัย มีสีหน้าซีด นิ่งเงียบ บอกเพียงว่าจะไปปฏิบัติธรรม เพิ่มมามาหาญาติ แต่หลวงพี่น้ำฝน ซึ่งนั่งรถที่ขับตามประกบอยู่ได้ลงมาแจ้งว่า ได้ติดตามตัวมาตั้งแต่หน้าบ้านที่จังหวัดนครปฐมแล้ว จึงยอมจำนนด้วยหลักฐานและสารภาพว่าขับรถมาจริง หลวงพี่น้ำฝนแจ้งว่า การขับรถของพระเรืองชัยมีมาหลายครั้ง ครั้งนี้ก็ยังก่อเหตุอีกหลังจากที่เคยรับปากว่าจะไม่ทำผิดแล้ว

เมื่อได้มีการตรวจค้นในรถ ยังพบเสื้อลายพรางสีเขียว อุปกรณ์ทำงานช่าง เป็นมีดยาว และขวาน จึงได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบว่าเป็นอาวุธหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นเครื่องมือทางการเกษตรและงานช่าง ยังไม่ผิดข้อกล่าวหาใดๆ จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวกลับมายังบ้านพัก และให้นำเอกสารต่างๆ ไปพบกับ พระครูทักษิณานุกิจ เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดห้วยจระเข้ จังหวัดนครปฐม ทำการกล่าวโทษและสั่งการให้ลาสิกขา เนื่องจากทำผิดฐานกับรถเป็นโลกะวัชชะ เป็นมาแล้วหลายครั้ง ขณะที่ทำการสึกเสร็จสิ้น นายเรืองชัยได้แต่งกายด้วยชุดฆราวาส ก่อนจะมาลาเจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ และหลวงพี่น้ำฝน โดยให้สัญญาต่อหน้าคณะเจ้าหน้าที่ที่ทำการจับกุมว่าไม่กลับมาก่อปัญหาอีกแล้ว

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า เรื่องนี้ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านมา เมื่อมาตรวจสอบก็พบว่าเป็นพระรูปเดิมที่เคยทำการจับกุมสึกมาแล้วสองครั้ง มีการสัญญาและสาบานต่อหน้าสรีระสังขารหลวงพ่อพูล ว่า จะไม่กลับมาสร้างปัญหาแต่ก็มีการร้องเรียนและกลับมาพบจนได้ การที่นายเรืองชัยได้สัญญาอีกว่า จะไม่สร้างปัญหาอาตมาก็ไม่เชื่อว่าเขาจะไม่กลับมาบวช เพราะมีการทำผิดอยู่ซ้ำซากบ่อยครั้งและไม่หลาบจำ การขับรถของพระภิกษุสงฆ์ก็ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว เนื่องจากมีกฎระเบียบข้อห้ามในเรื่องนี้อยู่

ด้าน นายธานี พิกุลทอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดนครปฐม กล่าวว่า การจับนายเรืองชัยก็เป็นการจับมาหลายครั้ง แต่ก็แอบไปบวชกลับเข้ามาอยู่ในผ้าเหลืองอีก ในครั้งนี้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ได้มีการทำบันทึกและได้ส่งเอกสารไปยังเจ้าคณะปกครอง ทุกระดับชั้นและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อให้ลงทะเบียนขึ้นชื่อของนายเรืองชัยว่าเป็นบุคคลที่ไม่สามารถบวชได้อีกต่อไป เนื่องจากมีการกระทำให้เสื่อมเสียและประพฤติตนไม่เหมาะสมอยู่บ่อยครั้ง

ภาพ/ข่าว : กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครปฐม

Message us