
จากกรณีที่ ทนายธรรมราช ได้มีการไลฟ์สดในการพูดคุยกับทนายพัฒน์ ในเพจ ทนายธรรมราช The Lawyer of legality. เมื่อคืนวันที่ 16 พ.ย. มีการพาดพิงมาถึงกรณี หลวงพี่น้ำฝน กับพระครูปลัดธีระฯ หรือพระปีนเสาไฟ มีการพบกัน 2 ครั้งก่อนที่เจ้าอาวาสวัดสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี จะมีหนังสือสั่งให้พระปีนเสาพ้นสังกัดไปเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ซึ่งทนายธรรมราช ได้พูดคุยในการไลฟ์สด ว่าหลวงพี่น้ำฝนอ่านมาตรา 21 คำสั่งมหาเถรสมาคมได้ครบถ้วนหรือไม่ พร้อมแสดงตัวในการให้คำปรึกษาด้านกฏหมายกับพระปีนเสาไฟ
ขณะที่ เมื่อคืนวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา พระปีนเสาไฟ ได้มีการโพสต์คลิบความยาว 5 นาทีเศษ ได้มีการประกาศในฐานะประธานภาคีพลังชาวพุทธฯ ว่า วันที่ 26 พ.ย เวลา 10.00 น. จะไปยื่นหนังสือต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัฒน์ นายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นหนังสือการก่อสร้างศูนย์กลางการเรียนรู้พระพุทธศาสนา มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท จากนั้นวันที่ 4 ธันวาคม เวลา 09.00 น. จะมาพบหลวงพี่น้ำฝนที่วัดไผ่ล้อม เพื่อขอมาชมรถหรู ทำพิธีการลงนะหน้าทอง การปลุกเสกกุมาร จากนั้นช่วงบ่ายจะไปสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อพบผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนแห่งชาติ เพื่อถามการทำงานว่า มีเจ้าหน้าที่เป็นคริสต์หรืออิสลามหรือไม่ ถึงออกกฏต่างๆให้คณะสงฆ์ เช่น การให้บิณฑบาตถึง 8 โมงเช้าเป็นต้น
นอกจากนั้น ในคืนเดียวกันยังมีการทำคลิบ ไปถึงคุณกัน จอมพลัง ว่า มีการบงการหลวงพี่น้ำฝน และสำนักงานพระพุทธศาสนาหรือไม่ และได้มีการแจ้งว่า เป็นหนึ่งในขบวนการหมอปลาที่ทำลายพระสงฆ์ กรณีหลวงปู่แสง เป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาและมีการปลุกระดมไล่ล่าตนเอง โดยกล่าวถึง หนุ่ม กรรชัย รายการโหนกระแส ที่นำบุคคลที่มีความเห็นทำลายพระพุทธศาสนามานำเสนอบ่อยๆ และมีการเชิญชวนไปตามสถานที่ต่างๆ จากนั้นได้มีการนำคลิบเสียงจากสายของบุคคลมราคาดว่าจะเป็นพระผู้ใหญ่ให้ขับตนเองออกจากวัดสามชุก
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการแก้ไขข้อขัดข้องระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 หรือประธานพระวินยาธิการ ภาค 14 ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพระปีนเสาและทนายธรรมราชเคลื่อนไหวว่า มีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องและใช้กฎมหาเถระสมาคมและพ.ร.บ.คณะสงฆ์ กลั่นแกล้งพระปีนเสาไฟ
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่าขอฝากข้อคิดให้กับทั้งคู่ว่า “หมาต่างกับเสือตรงที่ หมาชอบเห่า แต่เสือจะใช้วิธีการคำรามและเข้าตะปบเหยื่อทันที” และอยากจะบอกว่า การที่พระปีนเสา จะเข้ามาพบในวันที่ 4 ธ.ค. ขอบอกว่า มาได้เสมอ แต่วันนั้นไม่อยู่ เพราะวันที่ 3 – 8 ธ.ค. 67 มีตารางงานในการไปปฏิบัติศาสนกิจและปฏิบัติธรรมที่ใต้ต้นโพธิ์ สังเวนียสถาน ประเทศอินเดีย แต่ขอให้มาก่อนวันไหนก็ได้ประตูวัดเปิดตั้งแต่ ตี 5 จนถึง 3 ทุ่มทุกวัน จะมาแบบไหนหรือจะมากับใครอย่างไรก็พร้อมเสมอวัดไผ่ล้อมมีกิจกรรมให้ท่านดูมากมายคนที่เป็นญาติโยมมีทั้งมาปฏิบัติธรรมและมาเที่ยวก็มากันแบบนี้ตลอด
สำหรับพระปีนเสา ท่านไม่ต้องบอกว่า จะมาวันไหนขอให้แค่บอกมาอาตมาก็พร้อมจะไปหาทันที และขอถามอีกคำว่าตอนนี้ท่านอยู่ที่วัดไหน อาตมาจะไปหาจะไปพบทันที ไม่รอช้า สำหรับคำถามที่ถามว่า ทำไมยังสึกพระปีนเสาไม่ได้ ต้องแจ้งตรงนี้ว่าอาตมาเป็นตำรวจพระมีหน้าที่นำตัวไปส่งหรือนำเอกสารไปแจ้งให้เจ้าตัวทราบ ส่วนการจะจับสึก มีคำสั่งอย่างไรเป็นอำนาจของเจ้าอาวาสและเจ้าคณะผู้ปกครองให้แยกส่วนกันให้ชัดเจน
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวถึง ทนายธรรมมราช ได้ออกมาไลฟ์สดและมีการโพสต์ข้อความว่าหลวงพี่น้ำฝนอาจจะผิดข้อหามาตรา 157 และมีการกระทำในการติดตามตัวพระปีนเสาอย่างไม่ถูกต้อง ว่า อาตมามีหน้าที่ติดตามตัวไปให้เจ้าอาวาสและคณะผู้ปกครองเท่านั้นเรื่องอื่นไม่เกี่ยว ทนายธรรมราชเองอาตมาก็ไม่รู้จัก เคยเห็นแค่จังหวะโดนตบที่กองปราบปราม รู้เท่านั้น ซึ่งในวันที่พระปีนเสา บอกว่าจะมาที่วัดไผ่ล้อมก็อยากให้มาทั้งคู่ พร้อมกันเลย
“การที่ทนายธรรมราช ออกมาแสดงความชัดเจนและพูดทำนองว่า หากจะจับแล้วอาจจะมีการสวนกลับมาบ้าง ก็ถือว่าพูดจาหนักไป ลูกศิษย์ลูกหาหลายคนของอาตมาฟังแล้วก็ไม่สบายใจ และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบที่กองปราบปรามเกิดขึ้นอีก แต่มันก็ยากต่อการควบคุม เพราะทุกคนก็มีครูบาอาจารย์ของเขา ขอย้ำอีกครั้งให้ฟังว่า หมามันชอบเห่า แต่เสือมันชอบตะปบเหยื่อ เช่นกันอาตมาก็ทำหน้าที่ในฐานะพระและตามรอยขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าตามกฎระเบียบแน่นอน” หลวงพี่น้ำฝนกล่าว