“สมเด็จพระสังฆราช”ประทานพระสัมโมทนียกถา”รู้สึกมีกำลังใจ ดุจได้รับของขวัญพิเศษ”

เมื่อวันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม สมเด็จพระอริยวงศาคตณาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นองค์ประธานประกอบพิธียกฉัตรถวายกางกั้นพระพุทธอังคีรสจำลอง และพระพุทธรูปหลวงพ่อนาคจำลอง เป็นพุทธบูชา เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศคตณาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังมปริณายก ณ สถานปฏิบัติธรรมสมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร) คลองเก้า อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

โดยมี เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร พระธรรมรัตนากรณ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต พระอารามหลวง พระเทพวัชรเมธี อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช รองเจ้าคณะภาค 6-7 (ธ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร พระราชสุทธิธรรมาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดประยูรธรรมาราม พระราชวรเมธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี (ธ) เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ พระมหาคณิศร ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร

พระวัชรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพสรธรรมาราม พระครูสุภัทรธรรมโฆษิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางหลวงหัวป่า จังหวัดปทุมธานี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอ 7 อำเภอ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ไวยาวัจกรวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และภาคีเครือข่าย เฝ้ารับเสด็จ

เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดเมตตาประทานพระสัมโมทนียกถา มีใจความว่า “ขออนุโมทนาสาธุการ ที่ท่านทั้งหลายพรั่งพร้อมกันมาร่วมบำเพ็ญกุศล ณ สถานปฏิบัติธรรม บนที่ธรณีสงฆ์ของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่อเป็นเกียรติแก่อาตมภาพ เนื่องในวาระที่มีอายุ 96 ปี และในวันนี้เป็นโอกาสพิเศษ ที่ได้ร่วมกันประดิษฐานพระพุทธปฏิมาประธาน และยกฉัตรถวายกางกั้น เพื่อเป็นพุทธบูชา และเป็นการสั่งสมบุญนิธิไว้ในพระพุทธศาสนา หลังจากได้มาวางศิลาฤกษ์สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน อาตมภาพก็เฝ้าติดตามข่าวคราวการจัดสร้างอย่างใกล้ชิด พอได้มาเห็นความคืบหน้าจนใกล้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ก็รู้สึกมีกำลังใจ ดุจได้รับของขวัญพิเศษ เพราะสถานที่แห่งนี้ จะอำนวยประโยชน์อย่างกว้างขวางแก่ชาวโลก ตามวิถีแห่งพระพุทธศาสนา การจะบำรุงรักษาสถานที่อันกว้างใหญ่ เพื่อการปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะการเจริญพระกรรมฐานนั้น ยังต้องอาศัยทุนนิธิ เป็นเครื่องค้ำจุนให้ยั่งยืนต่อไป ในนามของวัดราชบพิธ จึงขอบอกบุญเป็นพิเศษไว้ เพื่อท่านทั้งหลายจำได้ร่วมกันฝังขุมทรัพย์แห่งบุญไว้ในพระพุทธศาสนาร่วมกันอีกครั้ง

“วันนี้พวกเราทั้งหลาย มาร่วมกันสถาปนาหัวใจของสถานปฏิบัติธรรม คือองค์พระพุทธปฏิมาสำหรับเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธคุณ ทั้งนี้ พระพุทธอังคีรส และหลวงพ่อนาค ที่ทุกท่านได้กระทำสักการบูชาอยู่ในบัดนี้ เป็นพระพุทธรูป“ศักดิ์สิทธิ์” สถิตเป็นประธานแห่งวัดราชบพิธมานานนับร้อยปี คำว่า “ศักดิ์สิทธิ์” ที่อาตมภาพกล่าวนี้ มีความหมายว่า “ทรงอานุภาพให้สำเร็จได้สมความประสงค์” อาตมภาพไม่ได้หมายถึงอำนาจลี้ลับ หากแต่หมายถึง พระพุทธานุภาพโดยธรรมะ หรืออานุภาพของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นของสมเด็จพระบรมศาสดา เจ้าของรูปพระปฏิมาทั้งสองนั้น มีมากมหาศาลสุดที่จะประมาณได้ พระพุทธศาสนาสามารถเปลี่ยนคนชั่วให้เป็นคนดี ฉุดรั้งคนจะตกนรกให้ขึ้นสวรรค์ เปลี่ยนคนยากไร้ให้กลับเป็นมั่งมี สอนคนโง่ให้กลายเป็นคนฉลาด และสำคัญที่สุดคือ สามารถขัดเกลาชำระล้างคนสกปรกด้วยกิเลส ให้กลับกลายเป็นคนสะอาดบริสุทธิ์หมดจดอย่างสิ้นเชิงด้วยปัญญา กระทั่งหลุดพ้นจากห้วงทุกข์แห่งสังสารวัฏ นี้คืออานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆเจ้า อาตมภาพจึงขอให้ทุกท่านได้สำเร็จสมความประสงค์สูงสุดทางพระพุทธศาสนา ด้วยการเจริญพุทธานุสติ เป็นเบื้องต้น และด้วยการศึกษาพระกรรมฐานกองอื่น ๆ ต่อไป และขออนุโมทนาสาธุการอีกครั้งที่ทุกท่านได้พากเพียรทำหน้าที่ของพุทธบริษัทมาด้วยดี และขออำนวยพรให้ทุกท่านจงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย รุ่งเรืองในพระพุทธศาสนายิ่ง ๆ ขึ้นสืบไป เทอญ” เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กราบทูลรายงาน ความว่า สถานปฏิบัติธรรมสมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร) ตั้งอยู่บนที่ธรณีสงฆ์ขนาดประมาณ 129 ไร่ ของวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม คลองเก้า อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี แห่งนี้ บังเกิดขึ้นจากกุศลเจตนาของคณะสงฆ์ ตลอดจนสาธุชนทุกหมู่เหล่า ที่ปรารถนาจะสร้างถาวรสถาน แห่งศุภวารสมโภช 150 ปีแห่งการสถาปนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พุทธศักราช 2563 เป็นโครงการต่อเนื่องถึงการจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตณาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 26 มิถุนายน 2566 เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายพระกุศล ประกอบด้วย เสนาสนะและสิ่งปลูกสร้างสำคัญ ได้แก่ วิหาร อาคารปฏิบัติธรรม ตำหนักที่ประทับ อาคารสังฆิกเสนาสนะ และอาคารที่พักผู้ปฏิบัติธรรม เป็นต้น แวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ตามแผนการสร้างสรรค์ภูมิทัศน์ให้เป็นรมณียสถานสัปปายะแก่การเจริญจิตตภาวนา ตามพระนโยบายของสมเด็จพระอริยวงศาคตณาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่โปรดประทานไว้ อีกทั้งยังมีการจัดทำแปลงเกษตรสาธิตตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และในรัชกาลปัจจุบัน สำหรับเกื้อกูลประโยชน์ต่อการศึกษาเรียนรู้ของชุมชนแวดล้อม

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้ขอเข้าใช้สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ เป็นที่ตั้งสถาบันกรรมฐานศึกษาซึ่งสมเด็จพระอริยวงศาคตณาณ สมเด็จพระสังมราช สกลมหาสังฆปริณายกโปรดประทานนามว่า “สถาบันกรรมฐานศึกษาสมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร) นับเป็นพระกรุณาคุณอันล้นพ้น และเป็นนิมิตหมายอันดีที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้จักได้บังเกิดประโยชน์ใช้สอยอย่างเป็นรูปธรรมต่อการศึกษา วิจัย ปฏิบัติ และพัฒนาสุขภาวะทั้งทางกายและ ทางจิตใจ ตลอดจนการอบรมพัฒนาสติปัญญาตามหลักพระพุทธศาสนาได้อย่างยั่งยืน ซึ่งบัดนี้การก่อสร้างได้ดำเนินลุล่วงไปเป็นอันมาก เป็นศุภนิมิตประจวบมงคลสมัยแห่งพระชนมายุ 8 รอบ ประกอบกับการหล่อและประดิษฐานพระพุทธปฏิมาประธานวิหารและอาคารปฏิบัติธรรม ได้ดำเนินการแล้วเสร็จสมบูรณ์ นับเป็นศรีสง่า เป็นศูนย์รวมจิตใจที่เจริญพุทธานุสติของปวงพุทธบริษัท ประจำสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ในการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่กับประเทศไทย อย่างยั่งยืนสืบไป

Message us