สภาสตรีฯจัดพิธีลงนามยุติความรุนแรงในเด็กและสตรี

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่อาคารบ้านพระกรุณานิวาสน์ น.ส.สุกัญญา ประจวบเหมาะ ประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ลงนามในปฏิญญาว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ร่วมกับ น.ส.ศิริพร ไชยสุต ประธานคณะกรรมการฝ่ายส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาค พร้อมด้วย ประธานภูมิภาคของสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ประกอบด้วย นางพรทิพย์ ตั้งกีรติ ประธานภาคกลาง – ตะวันออก ภาค 1 – ภาค 2 น.ส.ณัฏฐ์ปภาณ จันทร์ละมูล ประธานภาคกลาง – ตะวันออก ภาค 3 – ภาค 4 นางทิพวรรณ กิตติสถาพร ประธานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาค 5 – ภาค 5 นางณัฏฐภัค  อติเชษฐ์ธนิศ ประธานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาค 7 นางรัศรินทร์ ลัดใหม่กุลวัฒน์ ประธานภาคเหนือ ภาค 8 – ภาค 9

ทั้งนี้ นางรุ่งทิวา สุดแดน รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว  ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  นายจักรวาล แสงแข อัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี โดยมีคณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร สมาชิกสมทบ ของสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ แขกผู้มีเกียรติ และผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย

น.ส.สุกัญญา กล่าวว่า การจัดงานลงนามในครั้งนี้เพื่อความร่วมมือและการบูรณาการของภาคีอย่างมีแบบแผน และเป็นรูปธรรมในการสร้างจิตสำนึกให้คนในสังคมได้ ปรับเปลี่ยนเจตคติ และพฤติกรรม และช่วยป้องกัน เยียวยา แก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี สำหรับปฏิญญาว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็กและสตรีนี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการร่วมมือระหว่างองค์กรสมาชิกในทุกภาคเพื่อความสำเร็จในการขจัดความรุนแรงต่อเด็กและสตรีอย่างเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตาม สืบเนื่องจากการที่ องค์การสหประชาชาติประกาศให้ ช่วง 16 วัน ระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี สภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯเล็งเห็นถึงความสำคัญ ได้มีส่วนร่วมในการรณรงค์ในเรื่องนี้ โดยได้จัดทำปฏิญญาเพื่อขจัดความรุนแรงต่อเด็กและสตรี พ.ศ.2565 ขึ้น เพื่อประกาศเจตนารมณ์อันร่วมกัน และร่วมแสดงเจตนารมณ์อย่างเป็นทางการในอันที่จะให้ความร่วมมือกัน ตามหลักการ R-E-S-P-E-C-T ขององค์การสหประชาชาติ การทำปฏิญญาฯ ฉบับนี้ จะปลุกจิตสำนึก สร้างความเข้าใจทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลประสบการณ์ เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อให้สอดคล้องกัน ทำให้การขจัดความรุนแรงสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิผลและเป็นรูปธรรม

Message us