ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “มายด์ ภัสราวลี” ผิด ม.112 ปราศรัยม็อบปี 64 รอลงอาญา 3 ปี  

เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้  ถนนเจริญกรุง ศาลนัดฟังคำพิพากษาดูหมิ่นสถาบัน ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ “มายด์” นักกิจกรรมทางการเมือง  เป็นจำเลยในความผิดฐาน“หมิ่นประมาทสถาบัน” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่อกรณีร่วมชุมนุมและปราศรัยใน #ม็อบ24มีนา 64 เพราะประเทศนี้เป็นของราษฎร จัดขึ้นโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม บริเวณสี่แยกราชประสงค์

น.ส.ภัสราวลี กล่าวก่อนฟังคำพิพากษา ว่า ตนค่อนข้างมั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดต้องได้รับการประกันตัวเพราะว่า การได้รับการประกันตัวที่คดียังไม่ถึงที่สุดก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของพวกเรา เพราะคนที่โดนคดี ม.112 ต้องมีสิทธิ์ได้ออกมาสู้คดีอย่างเต็มที่ แม้ว่าคำพิพากษาจะออกมาว่า ผิดตามกฏหมาย ม. 112 ในศาลชั้นต้น ตนจึงหวังว่าหวังในชั้นอุทธรณ์ก็จะได้ประกันตัว หรืออย่างดีก็คงจะได้รอลงอาญา

ทั้งนี้ ตนมีคดีม. 112 อยู่ 3 คดี สำหรับในคดีนี้เป็น การชุมนุมกรณีร่วมชุมนุมและปราศรัยในม็อบ 24 มีนา 64 “เพราะประเทศนี้เป็นของราษฎร” จัดขึ้นโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม บริเวณสี่แยกราชประสงค์  ซึ่งตนมั่นใจว่าการปราศรัยของตน ตนพูดด้วยความสุภาพนอบน้อม พูดด้วยความหวังดีทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาทแต่อย่างใด สิ่งที่พูดในวันนั้นถือว่าเป็นความจำเป็นที่จะพูดถึงสถาบันฯกับการเมืองไทยที่เกิดข้อถกเถียงอยู่ในปัจจุบัน ถ้าหากไม่พูด เราก็จะยิ่งซุกปัญหาไว้ใต้พรม และไม่ได้แก้ไข ตนจึงมั่นใจว่า สิ่งที่ตนพูดไปเป็นประโยชน์ต่อทุกสถาบัน

“ในวันที่ 1 –  14 กุมภาพันธ์ นี้ ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมกันลงชื่อเสนอกฎหมายร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมประชาชน เพื่อให้เกิดการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองที่สะสมมานาน รวมถึงจะได้คืนความเป็นธรรมให้อำนาจให้กับประชาชนเพราะประชาชนอย่างพวกเรามีสิทธิ์อย่างเต็มที่ในการพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์การเมือง คดีทางการเมืองไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย หากรัฐบาลชุดไหนๆเข้าใจถึงหลักสิทธิเสรีภาพ ซึ่งดิฉันก็คาดหวังมากว่า รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่มีจากการเลือกตั้ง จะเห็นความสำคัญของการริเริ่มเรื่องนิรโทษกรรมประชาชน เพื่อคงความสง่างามที่จะเข้าไปใน คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ” น.ส.ภัสราวลี กล่าว

ทั้งนี้ บรรยากาศในวันนี้มีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจและมอบดอกกุหลาบให้กับนางสาวภัสราวลีก่อนขึ้นไปฟังคำพิพากษาด้วย

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า  ข้อความปราศรัยของจำเลยเป็นการกล่าวให้เสื่อมเสียสถาบัน ถึงแม้จำเลยจะต่อสู้ว่าการปราศรัยของจำเลยมีเจตนาเพื่อต้องการจะแนะนำและตักเตือนสถาบันให้ธำรงอยู่ในความเหมาะสม แม้จะมีพยานหลักฐานเอกสารอ้างอิงคำปราศรัยต่อสู้ในชั้นศาล ซึ่งการปราศรัยจำเลยย่อมนำเอกสารต่าง ๆ ไปอ้างอิงในการกล่าวปราศรัยได้ แต่ไม่มีเหตุจำเป็นต้องปราศรัยให้สถาบันเสื่อมเสีย 

การกระทำของจำเลยทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในสถาบันฯ จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาม.112 จำคุก 3 ปี  คำให้การจำเลยเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้1ใน3  คงจำคุก 2 ปี จำเลยยังมีสถานะเป็นนักศึกษา จึงให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 3 ปี  ส่วนข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ   ให้ยกฟ้อง เนื่องจากจำเลยไม่เป็นผู้จัดการปราศรัย

อย่างไรก็ตาม ภายหลังฟังคำพิพากษาน.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า วันนี้ศาลอ่านคำพิพากษา ในความผิด2ข้อหาคือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112และข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯซึ่งศาลมีคำพิพากษายกฟ้องตนข้อหาฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉินฯเนื่องจากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตนเป็นผู้จัดให้มีการชุมนุม ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  ศาลมีคำพิพากษาว่าตนกระทำความผิดโดยคำปราศรัยเป็นการหมิ่นสถาบันฯ ลงโทษจำคุก 3 ปีแต่ให้การเป็นประโยชน์ และมีสถานะเป็นนักศึกษาลดโทษ1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี และให้รอลงอาญาไว้3ปีเพื่อให้ปรับตัวเป็นคนดี โดยในคำพิพากษาศาลบอกว่า คำปราศรัยของตนไม่ได้พูดถึงข้อกฎหมายในตอนที่ปราศรัย อาจจะทำให้คนที่รับฟังเข้าใจผิดต่อสถาบันฯไปได้ แต่ตนยืนยันว่าข้อเท็จจริงที่ตนอ้างอิงใช้ประกอบในการปราศรัยเป็นข้อเท็จจริงที่เห็นในที่สาธารณะอยู่แล้ว โดยตนยืนยันว่าจะต่อสู้คดีนี้ต่อ เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานว่าประชาชนอย่างเราจะสามารถพูดถึงทุก สถาบันการเมืองที่อยู่ภายใต้แล้วรัฐธรรมนูญได้
 

Message us