มหาสงกรานต์ปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ทั่วประเทศชวนใส่ผ้าไทย-กางเกงประจำจังหวัด

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมี นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ เข้าร่วม

น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันโปรโมทเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีการพูดคุยกับนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ถึงแนวคิดที่จะให้มีการส่งเสริมสนับสนุนในเรื่องของกางเกงของแต่ละจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นและมีสีสันสวยงาม โดยนายกรัฐมนตรีได้รับกางเกงของแต่ละจังหวัดมาประมาณ 50 กว่าตัว เพื่อพิจารณาเลือกใส่กับกางเกงลายอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นแมตช์กับเสื้อสูท แต่ยังไม่ได้เลือกว่าจะเป็นกางเกงของจังหวัดใด  

“รู้สึกดีใจที่รัฐมนตรีหลายคนสนับสนุนกางเกงประจำจังหวัด โดยในช่วงสงกรานต์ต้องการให้ส่งเสริมใส่กางเกงประจำจังหวัด เพื่อช่วยกันโปรโมท สนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นและชาวบ้าน สนับสนุนคนในจังหวัด รวมถึงการดีไซน์ของแต่ละจังหวัดด้วย” นายกรัฐมนตรี ย้ำ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมซอฟต์พาวเวอร์ครั้งแรกประจำปี 2568 ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยได้จริงในหลายด้าน ทั้งด้านท่องเที่ยวในด้านต่าง ๆ ทำให้ต่างชาติเข้าใจ และชื่นชอบในซอฟต์พาวเวอร์ของไทยมากขึ้น ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จะประสบความสำเร็จได้เกิดจากทุกฝ่ายร่วมมือทำงานขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เป็นสิ่งที่น่าประทับใจอย่างมาก และปีนี้ขอให้ร่วมกันทำงานเพื่อให้ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยไปสู่สายตาของโลกและสร้างความประทับใจต่อไป 

หลังการประชุมนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติพร้อมใจใส่กางเกงช้างและกางเกงลายอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ โดยได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันเพื่อโปรโมทการสวมใส่ผ้าหรือกางเกงที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะของแต่ละพื้นที่ของจังหวัดต่าง ๆ ถือเป็นการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นต่าง ๆ ที่มีศักยภาพของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของไทยด้วย

จากนั้น นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี และประธาน คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้ร่วมกันแถลงผลการประชุมสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 ที่ประชุมได้มีการหารือในประเด็นน่าสนใจ 3 เรื่อง 1) ความคืบหน้าในการจัดงานมหาสงกรานต์ที่จะจัดขึ้นทั่วประเทศในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ขอเชิญชวนประชาชน ใส่กางเกงลายเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น  2) รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการสิทธิประโยชน์เพื่อสนับสนุนงานศิลปะ และ 3) รับทราบความคืบหน้าการจัดงานประกวด Street Art ของเยาวชน 

นายสรวงศ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดงานมหาสงกรานต์ประจำปี 2568 ในเดือนเมษายนว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมจัดงานมหาสงกรานต์อย่างยิ่งใหญ่ทั่วประเทศ รวมถึงที่ท้องสนามหลวง โดยท้องสนามหลวงการจัดงานจะเริ่ม ตั้งแต่วันที่ 11 – 15  เมษายน 2568 ซึ่งไฮไลต์ของงาน คือ วันที่ 12 เมษายน ที่จะมีเทศกาลเฉลิมฉลอง (Carnival) หรือขบวนแห่ที่สร้างสรรค์โดยคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมถึงกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อทำให้ปีนี้เป็นปี “Grand Tourism and Sports Year”  ตามที่ประกาศไว้ นอกจากนี้ ยังมีเวทีแสดงถึงศิลปวัฒนธรรม การเปิดพื้นที่ให้พี่น้องประชาชนได้มาขายของประจำจังหวัด

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายในเรื่องของการใส่ผ้าไทย “ผ้าไทย ใส่สนุก” ผ้าไทยลายดอก และกางเกงลายอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น GI ประจำจังหวัด ส่วนเรื่องของกิจกรรมสงกรานต์ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ทำแผ่นพับ “ลายแทงสงกรานต์ทั่วไทย” ซึ่งจะมีการจัดงานสงกรานต์ในจังหวัดต่าง ๆ โดยจังหวัดหลักที่มีการจัดงาน ได้แก่  เชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา นครศรีธรรมราช สมุทรปราการ ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ สามารถติดตามได้ทางเว็บเพจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ด้านนายจุลพันธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการสิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนงานศิลปะว่า กระทรวงการคลังได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ในการขับเคลื่อนเรื่องด้านศิลปะโดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลาง การจัดแสดงศิลปะนานาชาติระดับโลก ทำให้ไทยเป็นทั้งศูนย์แสดงงานศิลปะ และตลาดการซื้อขายศิลปะ หอศิลป์และการจัดเก็บผลงานศิลปะ โดยมีจุดมุ่งหมาย 3 ประการหลัก คือ 1) การดึงดูดนักท่องเที่ยว การเพิ่มรายได้ สร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจ 2) การเปิดโอกาสให้ศิลปินไทยเป็นที่ยอมรับ มีความมั่นคงทางอาชีพ มีพื้นที่ในการจัดแสดงและแสดงออก 3) การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ให้กับประเทศไทยผ่านทางผลงานศิลปะของศิลปินชาวไทย

อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้ กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรและกรมศุลกากร ได้นำเสนอที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการสิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมศิลปะ โดยออกมาตรการเพื่อที่จะรองรับในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ด้านศิลปะ ดังนี้ 1)กรมสรรพากรมี 2 มาตรการ คือ (1) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะ โดยให้บุคคลธรรมดาที่ซื้องานศิลปะสาขาทัศนศิลป์ สามารถนำค่าซื้องานศิลปะมาหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินปีภาษีละ 100,000 บาท (2) มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ ให้ศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะสามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 60 โดยไม่กำหนดประเภทศิลปิน

นายจุลพันธ์ กล่าว่า ในส่วนกรมศุลกากร อยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการเพื่อจัดตั้งเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์ ซึ่งคาดว่าจะออกประกาศภายในเดือนเมษายน 2568 ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ คือ ของที่นำเข้าไปในเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์จะได้รับยกเว้นอากรขาเข้า ได้แก่ 1) เครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือและเครื่องใช้ รวมทั้งส่วนประกอบที่จำเป็นต่อการประกอบกิจการ 2) ของที่ใช้ในการสร้าง ประกอบ หรือติดตั้งโรงงาน หรืออาคาร 3) ของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการประกอบกิจการตามวัตถุประสงค์ 4) ของที่ปล่อยออกมาจากเขตปลอดอากรประเภทหอศิลป์อื่น  โดยภารกิจทั้งสองส่วน นี้ถือเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทย ที่จะทำมีกิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้น ทั้ง การแสดงงานศิลปะ การสร้างสรรค์งานศิลปะใหม่ ๆ การซ่อมแซมงานศิลปะ การนำเข้างานศิลปะ และการส่งออก เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Art hub แห่งเอเชียต่อไปในอนาคต

ขณะที่ นพงสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าการจัดงานประกวด Street Art ว่า ได้เปิดพื้นที่ให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา แสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่าน ศิลปะบนผนังในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้ง สถานศึกษา รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยว ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ภายใต้คอนเซปต์ “Dream of Thailand” ระยะเวลาในการประกวด 29 – 30 มีนาคม 2568 นี้ โดยนำร่องระยะแรกของโครงการจะมี 33 จังหวัด 46 สถาบันอุดมศึกษา  กรุงเทพฯ 8 มหาวิทยาลัย ภาคกลาง 6 จังหวัด 6 มหาวิทยาลัย ภาคเหนือ 8 จังหวัด 10 มหาวิทยาลัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 จังหวัด 12 มหาวิทยาลัย ภาคตะวันออก 2 จังหวัด 2 มหาวิทยาลัย ภาคใต้ 5 จังหวัด 8 มหาวิทยาลัย โดยเปิดรับสมัครรุ่นมัธยมศึกษา และรุ่นนิสิต/นักศึกษา รวมทีมไม่เกิน 20 คน ทั้งนี้ระยะที่ 1 ทีมที่ชนะจะได้รับเงินรางวัล 500,000 บาท และโล่ประกาศเกียรติคุณจากนายกรัฐมนตรี ตลอดจนประกาศนียบัตรจากกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งจะมีการดำเนินการในระยะที่ 2 ในช่วงเดือนพฤษภาคม ชิงทุนการศึกษาที่ต่างประเทศ คือ โอดอส ซัมเมอร์แคมป์ (ด้านศิลปะ) และศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

Message us