
เมื่อวันที่ 29 กันยายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เปิดเผยถึงกรณีสังคมออนไลน์ รุมถล่มการทำงานของนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าฯเชียงราย ที่เกียร์ว่าง ไม่ช่วยชาวบ้าน เพราะจะเกษียณอายุราชการกันยายนนี้ ว่า ในการลงพื้นที่ จ.เชียงราย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ผู้ว่าฯ เชียงราย ก็มาอยู่ต้อนรับเพียงไม่นาน เพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายกฯ ถามตนว่า ผู้ว่าฯ เชียงราย กลับไป กทม. แล้ว ได้มาขออนุญาตหรือไม่ ตนก็ได้กราบขอโทษท่านนายกฯ ทันที ซึ่งเขาก็ไม่ได้มาบอก หรือมาขออนุญาตอะไร เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ตรงนี้เป็นปัญหาเดิมๆ พฤติกรรมเดิมๆ ที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนอะไรที่จะต้องออกนอกพื้นที่ เพราะตอนนี้ชาวเชียงราย เดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ทั้งน้ำท่วม ดินถล่ม ถือว่าสาหัสมากๆ เท่ากับผู้ว่าฯ เชียงราย ทิ้งงานแล้วให้นายกรัฐมนตรีมาทำแทนใช่หรือไม่ ถ้าหากนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ไม่เข้ามาช่วยในพื้นที่ ก็จะไม่สามารถจัดการปัญหาแบบเร่งด่วนได้เลย
นายอนุทิน กล่าวว่า การจะมาอ้างว่าจะเกษียณอายุราชการคงไม่ได้ เพราะคนมหาดไทยลมหายใจคือประชาชน ตรงนี้เป็นปัญหาเดิมๆ พฤติกรรมเดิมๆ ตนจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน ถึงความจำเป็นเร่งด่วน เพราะถือเป็นพฤติกรรมซ้ำซาก ที่ไม่ปฏิบัติงาน ในฐานะเป็นผู้บัญชาการในพื้นที่โดยตรง ทั้งที่นายกรัฐมนตรี ก็อยู่ในพื้นที่ด้วย จึงถือเป็นการกระทำที่อัปยศ อดสู ของกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่จะต้อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับประชาชนอย่างสุดความสามารถ
นายอนุทิน กล่าวว่า เวลานายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีลงมาพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ เร่งด่วน ผู้ว่าฯ ควรจะต้องมาเป็นการมาทำงานร่วมกันกรณี จ.เชียงราย มีรองผู้ว่าฯ4 คนปรากฏว่า มาเพียงคนเดียวคือ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ ส่วนรองผู้ว่าฯ อีก 1 คน ก็จะเกษียณอายุราชการ ขณะที่รองผู้ว่าฯ อีก 2 คน ไปรายงานตัวเรียน หลักสูตร วปอ. ซึ่งมันไม่ใช่เวลาที่จะไปด้วยซ้ำ ประชาชนเดือดร้อนขนาดนี้แล้วนายกรัฐมนตรีก็ลงมา มันไม่ใช่เวลา แม้จะต้องสละสิทธิ์ เรียน วปอ. ก็ต้องสละสิทธิ์ด้วยซ้ำไป ในขณะที่ ตัวผู้ว่าฯ เชียงราย มาร่วมพิธีเกษียณใน กทม.แล้วปล่อยให้ประชาชนอยู่กันด้วยความยากลำบาก ทิ้งให้ท่านนายกรัฐมนตรี อยู่ในพื้นที่ ถือว่าไม่ถูกต้อง
“ผมขอฝากสื่อมวลชนมากราบขอโทษพี่น้องชาวเชียงราย ขอให้มั่นใจว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป การทำงานในกระทรวงมหาดไทย จะเป็นไปในทิศทางที่เป็นปึกแผ่น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผมได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ ให้คำนึงถึงเรื่องภัยจากน้ำท่วม เป็นเรื่องสำคัญสูงสุด” รมว.มหาดไทยกล่าว