“มท.1 ” ถกต้นแบบ “PPP – สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ : เมืองคาร์บอนต่ำ”

เมื่อวันที่  18 ตุลาคม ที่กระทรวงมหาดไทย  นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เข้าร่วมประชุมการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการจังหวัดต้นแบบ “PPP – สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ : เมืองคาร์บอนต่ำ” ย้ำ สิ่งแวดล้อมเป็นวาระสำคัญระดับชาติที่ทุกคนให้ความสำคัญและพร้อมสนับสนุน มุ่งยกระดับสระบุรีเป็นจังหวัดอุตสาหกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมขยายผลความสำเร็จไปสู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวไตรสุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายภูธนะ ชมภูมิ่ง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสระบุรี นางสาวกาญจน์ชนิษฐา เอกแสงศรี ท้องถิ่นจังหวัดสระบุรี เข้าร่วมประชุมด้วย

ขณะที่ ผู้บริหารในสังกัดกระทรวงมหาดไทย นายเจริญชัย เฉลียวเกรียงไกร ผู้อำนวยการศูนย์จัดการเศษวัสดุเหลือใช้ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี นายณัฐวุฒิ อินทรส ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาอย่างยั่งยืน นายสรศักดิ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการประสานงานด้านเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นายเจตพล เอมมณี ผู้อำนวยการเพิ่มมูลค่าเศษวัสดุเหลือใช้ สภาอุตสาหกรรม ดร.ชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การบริหารความยั่งยืน สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้เข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ประกาศเจตนารมณ์ ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญ ประเทศไทยจะเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี พ.ศ. 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2608 สอดคล้องกับโครงการฯ และบริบทของจังหวัดสระบุรี โครงการจังหวัดต้นแบบ “PPP – สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ เมืองคาร์บอนต่ำ” เป็นโครงการที่จะช่วยให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่จังหวัดสระบุรี

“กระทรวงมหาดไทยจะผลักดันเป็นจังหวัดนำร่อง เพราะสระบุรีเป็นพื้นที่เมืองหลวงของอุตสาหกรรมการก่อสร้าง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ จำนวนกว่าร้อยละ 80 ของประเทศตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งจากข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดสระบุรี มีปริมาณอยู่ที่ 27 ล้านตันคาร์บอน โดยจำนวน 19.8 ล้านตัน มีต้นตอมาจากอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการฟังเสียงของประชาชน ทุกคนให้การสนับสนุน ยินดี และเต็มใจที่จะขับเคลื่อนไปด้วยกัน ประกอบกับที่จังหวัดสระบุรี ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด และองค์การสหประชาชาติได้ลงนามประกาศเจตนารมณ์การขับเคลื่อนประเทศไทยที่ยั่งยืน ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ดังนั้น หากจังหวัดสระบุรีสามารถอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนตามแนวทางความร่วมมือภาครัฐ – ภาคเอกชน (Public – Private Partnership : PPP) ในการสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการย่อยภายใต้โครงการจังหวัดต้นแบบฯ ตามแผนและกรอบความร่วมมือที่กำหนด จะส่งผลให้จังหวัดสระบุรีสามารถขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเป็นรูปธรรม” รมว.มหาดไทย กล่าว

Message us