
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) คณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล มีการประชุมโดยมีพรรคไทยสร้างไทย เป็นเจ้าภาพการประชุม โดยมี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล มาร่วมด้วย จากเดิมจะมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการ มาเป็นผู้นำการประชุม แต่เป็นที่สังเกตว่าตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 มิ.ย.เป็นต้นมา หลังนายพิธากลับจากขอบคุณประชาชนที่ภาคเหนือ และถูกลอตเตอรี่เลขท้าย 2 ตัว 2 ใบ ก็ยังไม่ปรากฏตัวต่อสื่อมวลชน
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงภายลังประชุมว่า คณะทำงานคณะเปลี่ยนผ่านทั้ง 8 พรรคนัดที่ 2 มีการจัดตั้ง 14 คณะทำงานพร้อมกับเริ่มการประชุมกันไปบ้างแล้ว จะมีการนำเสนอให้แก่คณะประชุมของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล วันนี้จึงมีการรายงานความคืบหน้าของคณะทำงาน เช่น ภาวะภัยแล้ง การจัดการน้ำ
คณะเศรษฐกิจและเอสเอ็มอี พูดถึง 3 ประเด็น 1. การส่งออกที่ชะลอตัวลง 2. หนี้ครัวเรือน และ 3. การส่งเสริมเอสเอ็มอี
คณะ PM 2.5 มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการยื่นเสนอกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาด รวมไปถึงการจัดทำพื้นที่ความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่า
คณะทำงาน digital government และ digital economy มีข้อสรุปในด้านการส่งเสริมการใช้ระบบดิจิทัลในรัฐบาล การส่งเสริมเสรีภาพประชาชนในด้านดิจิทัล รวมไปถึงความมั่นคงด้านไซเบอร์ และจะมีการแถลงรายละเอียดต่อไปในวันที่ 22 มิถุนายนนี้
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า คณะทำงานด้านความเท่าเทียมนั้นกำลังหารือการลำดับความสำคัญด้านสวัสดิการต่างๆ จะมีการกำหนดงบประมาณในส่วนต่างๆ อย่างไร รวมถึงทิศทางการให้สวัสดิการในอนาคต
คณะทำงานค่าไฟ ค่าน้ำมัน พลังงาน มีข้อเสนอเรื่องการปรับลดค่าไฟ การต่ออายุการยื่นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล
ด้าน คณะทำงาน 3 ชายแดนใต้ จะมีการพูดคุยเพื่อสร้างสันติภาพในอนาคตภายในระยะเวลา 4 ปี คณะที่จัดทำรัฐธรรมนูญประชาชนฉบับใหม่ จะมีข้อตกลงกันในเรื่องของโร้ดแมปว่าแต่ละพรรคจะมีจุดร่วมอย่างไรบ้าง
วาระถัดมา คณะทำงานมีการหารือเกี่ยวกับระยะเวลาของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน คาดว่าจะยุบคณะเปลี่ยนผ่านถายหลังจากการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น ซึ่งคณะทำงานจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายหลังจากเลือกประธานสภาเรียบร้อยแล้ว และคณะทำงานจะสรุปรายงานเพื่อส่งให้กรรมการเปลี่ยนผ่าน เพื่อรายงานในที่ประชุมหัวหน้าพรรคร่วมฯ ต่อไป
ด้าน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า คณะทำงานเปลี่ยนผ่านได้รับฟังข้อเสนอและผลศึกษาจากคณะทำงานย่อย ซึ่งเป็นประโยชน์ที่จะนำนโยบายแต่ละพรรคมาเทียบกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ในส่วนของพรรค พท. ได้เสนอนโยบายให้ที่ประชุมพิจารณาพร้อมมอบหมายให้คณะทำงานย่อยนำไปศึกษาต่อไป โดยมีทั้งหมด 4 ประเด็น ได้แก่
1. นโยบายเขตธุรกิจใหม่ ได้ประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องใบอนุญาต รวมทั้งการแก้ไขกฎหมาย ทางพรรค พท. มีโมเดลที่อาจจะเป็นส่วนเสริมในการแก้ไขปัญหาด้านกฎหมายเพื่อส่งเสริมเอสเอ็มอีและเอฟดีไอ โดยจะนำร่องใน 4 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น กรุงเทพฯ และสงขลา โดยจะมีกฎหมายเศรษฐกิจชุดใหม่ใช้ในพื้นที่ต่างๆ ตามที่กล่าวไป
2. ค่าแรงขั้นต่ำ พรรค พท. มีความเห็นว่า ค่าแรงขั้นต่ำควรจะตั้งเป้าหมายในระยะไกลออกไป ในปี 2570 ค่าแรงขั้นต่ำควรจะอยู่ที่ 600 บาท นอกจากนี้ยังได้เสนอกลไกคู่ขนาน คือเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาท
3.นโยบายเข้าถึงแหล่งทุนของเอสเอ็มอี ทั้งพรรคก้าวไกล และพรรค พท. เห็นตรงกัน ในประเด็นการใช้กลไกค้ำประกันสินเชื่อในการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น
4. นโยบายตลาดทุน พรรค พท. ให้ความสำคัญสูงสุดในการระดมทุน เนื่องจากปัจจุบันเอกชนสามารถหาแหล่งทุนได้เพียง 2 แหล่ง คือเงินกู้ผ่านธนาคารพาณิชย์ และการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ พรรค พท. มีนโยบายสร้างตลาดทุน โดยมีหัวใจสำคัญ คือการสร้างสภาพคล่อง เพื่อเป็นแหล่งระดมทุนในการสร้างเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ ยังมีตลาดทุนคู่ขนาน คือตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ในการระดมทุนเพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้น