“พิธา”ซัดมาตรการรัฐบาลแก้ฝุ่น PM 2.5 ช้าไป น้อยไป และสายไป


เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ จ.ตราด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และมาตรการการแก้ปัญหาของรัฐบาลว่า เมื่อประเมินมาตรการที่ออกมาของรัฐบาลแล้ว ต้องเรียกว่าช้าไป น้อยไป และสายไป เรื่องการแก้ปัญหาฝุ่นต้องมีแผนงานมาตั้งแต่ฤดูฝนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคมแล้ว เพราะทุกคนรู้ว่าพอถึงเดือนมกราคมฝุ่นก็จะมาอีก ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปีตั้งแต่วันที่ 1-22 มกราคม ไม่มีปีไหนเลยที่ค่าฝุ่นได้มาตรฐาน

นายพิธา กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศเย็นและนิ่ง เป็นช่วงที่มีการเผาทั้งอ้อยและข้าว พอผสมรวมกันก็ควรต้องเห็นแล้วว่าฝุ่นจะมา รัฐบาลควรมีโอกาสที่จะได้เตรียมตัวตั้งแต่ระดับนานาชาติ ต้องประสานงานกัน ไม่ใช่พอฝุ่นมาแล้วค่อยต่อสาย แต่มันควรต่อสายกันนานแล้ว ถ้ามีการวางแผนทั้งระดับนานาชาติ ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น ตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้วสถานการณ์ควรจะดีขึ้นกว่านี้ หรืออย่างน้อยที่สุดในสัปดาห์นี้ควรมีการเข้าถึงหน้ากากอนามัย และเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่เปราะบางอย่างโรงเรียนและโรงพยาบาลได้

เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวสะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา ตอบว่า ที่ผ่านมาฝ่ายค้านที่สูสีกับฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนมากที่สุดก็คือพรรคเพื่อไทยในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายในสภาเรื่อง PM 2.5 ติดต่อกัน 4-5 ปี มีการอภิปรายอย่างดุเดือด แต่ปีนี้ปีที่ 2 ของรัฐบาลแล้ว ควรจะมีการเตรียมตัวกันมานานมากแล้วในการบริหารจัดการ แต่สถานการณ์กลับกลายเป็นแย่ขึ้นเรื่อยๆ และยังไม่มีมาตรการที่ออกมาเป็นรูปธรรม จนกระทั่งเมื่อเช้านี้หรือเมื่อวานนี้ หลังจากที่พรรคประชาชนและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรกระทุ้งถึงได้มีแผนออกมา

เมื่อถามว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ออกมากล่าวพาดพิงถึง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ว่าทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในสภาอย่างเดียว แต่นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องไปทำหน้าที่อื่นด้วย นายพิธา กล่าวว่าทรัพยากรของรัฐบาลกับของฝ่ายค้านไม่เท่ากัน รัฐบาลควรที่จะบริหารจัดการ กระจายงาน และเตรียมทรัพยากรล่วงหน้าในการบริหารได้มากกว่านี้ 

นอกจากนี้การเป็น สส. มีหน้าที่ต้องผ่านกฎหมายที่ก้าวหน้าอย่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด การพูดแทนประชาชน และการตรวจสอบรัฐบาล เราก็ตรวจสอบเรื่องนี้กันมา 4-5 ปีทุกครั้ง ตอนที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่เดียวกัน แต่ตอนนี้เพื่อไทยพอมาเป็นรัฐบาลกลับไม่ได้ทำตามอย่างที่ตัวเองเคยพูดในสภาหรือตอนหาเสียง จึงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่ประชาชนก็ยังต้องจมฝุ่นต่อไปทั้งที่จริงๆ แล้วน่าจะทุเลาลงได้เยอะมากกว่านี้

Message us