
เมื่อค่ำวันที่ 20 เมษายน บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช พรรคประชาชนเปิดเวทีปราศรัยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ที่จะเกิดขึ้นในอาทิตย์วันที่ 27 เมษายนนี้ ซึ่งพรรคประชาชนได้ส่ง นายณัฐกิตต์ อยู่ด้วง-ปรีชา ลงเป็นผู้สมัครหมายเลข 3 โดยเวทีในวันนี้มีทั้งแกนนำ สส. และผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ร่วมการปราศรัยและพบปะประชาชนที่มาร่วมฟังการหาเสียงอย่างคับคั่ง
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ปราศรัยว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาชาวนครศรีธรรมราชคงได้เห็นแล้วว่าฝีมือของรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคเพื่อไทย กับฝีมือของฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชนเป็นอย่างไร คำถามสำคัญที่สุดคือชาวนครศรีธรรมราชต้องการเติม สส. แบบไหนเข้าไปในสภาผู้แทนราษฎร จะเติม สส. รัฐบาลแพทองธารเข้าไปในสภาฯ ซึ่งในเวลานี้มี 3 เบอร์ให้เลือก หรือจะตัดสินใจเติม สส. ฝ่ายค้านแบบพรรคประชาชนเข้าไปในสภา ซึ่งมีเบอร์เดียวก็คือเบอร์ 3

ทั้งนี้ คำถามที่ตนอยากชวนชาวนครศรีธรรมราชคิดไปด้วยกัน ประการแรก ชาวนครศรีธรรมราชต้องการ สส. แบบไหนที่จะเข้าไปผลักดันให้นครศรีธรรมราชมีทรัพยากรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในการพัฒนาจังหวัด แน่นอนผู้สมัคร สส. พรรครัฐบาลอาจบอกว่าต้องเลือก สส. รัฐบาล เพราะอาจจะได้โครงการและงบประมาณมาลงในพื้นที่มากกว่า แต่หากเป็นเรื่องจริงแล้วทำไม 6 ปีที่ผ่านมานครศรีธรรมราชถึงไม่ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดไปมากกว่าจังหวัดอื่นในประเทศ ทั้งที่มี สส. ที่เข้าร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด หรือหากเป็น สส. รัฐบาลแล้วเขตจะได้รับงบประมาณและโครงการมากกว่า คำถามคือรัฐบาลแบบนี้หรือคือรัฐบาลที่ชาวนครศรีธรรมราชอยากสนับสนุน
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทรัพยากรในการพัฒนาจังหวัดไหนก็ตามต้องไม่ใช่กล่องสุ่มที่จะมากหรือน้อยต้องมาวัดดวงว่า สส. ในพื้นที่นั้นเป็น สส. รัฐบาลหรือ สส. ฝ่ายค้าน แต่ทรัพยากรต้องถูกจัดสรรอย่างเป็นธรรมผ่านการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ให้มีงบประมาณอย่างเพียงพอและตัดสินใจเองได้ว่าอยากพัฒนาพื้นที่อย่างไร ให้นครศรีธรรมราชมีทรัพยากรในการพัฒนาพื้นที่อย่างเต็มที่ และที่ผ่านมาก็มีแต่ สส. ฝ่ายค้านที่พยายามอย่างเต็มที่ในการเสนอกฎหมายและข้อเสนอในการเพิ่มอำนาจให้ท้องถิ่น และมีแต่ สส. รัฐบาลที่ขยันปัดตกและปฏิเสธข้อเสนอและร่างกฎหมายดังกล่าว

สำหรับ คำถามต่อมาคือ สส. แบบไหนที่ชาวนครศรีธรรมราชเชื่อว่า จะกล้าทักท้วงรัฐบาลเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลทำอะไรที่ชาวนครศรีธรรมราชไม่ต้องการ แม้ สส. รัฐบาลจะใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีมากกว่า สส. ฝ่ายค้าน แต่ด้วยความใกล้ชิด สส. รัฐบาลจะกล้าทักท้วงนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ตัวอย่างเช่น พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) มี สส. พรรคร่วมรัฐบาลจากนครศรีธรรมราชคนไหนลุกขึ้นมาทักท้วงนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยบ้าง
คำตอบคือไม่มี พรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่เงียบ แม้มีพรรคร่วมพรรคหนึ่งที่เล่นใหญ่ในสภาฯ แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย แต่ตนก็ต้องตั้งคำถามถึงความจริงใจของพรรคร่วมดังกล่าวในการทักท้วงกฎหมายนี้ เพราะย้อนไปในวันที่ 27 มีนาคม ในวันที่คณะรัฐมนตรีลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าว หัวหน้าพรรคดังกล่าวก็นั่งอยู่ในที่ประชุมวันนั้น และเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ สส. พรรคเพื่อไทยเสนอร่างกฎหมายนี้แซงคิวร่างอื่น สส. พรรคร่วมพรรคนั้นก็ลงมติเห็นด้วยเช่นกัน

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า คำถามสุดท้ายคือชาวนครศรีธรรมราชต้องการ สส. แบบไหนที่มั่นใจได้ว่าจะเข้าไปแก้ไขปัญหาใหญ่ของประเทศนี้ได้ ตนเข้าใจดีว่าหลายปัญหาของประชาชนไม่สามารถแก้ได้หากไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่หากสังเกตดีๆ หลายปัญหาที่สร้างความทุกข์ร้อนให้ประชาชนในวันนี้ แทบทั้งหมดล้วนมีต้นตอมาจากปัญหาการทุจริต ทั้งปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นจากการที่เจ้าหน้าที่รัฐบางคนรู้เห็นเป็นใจกับขบวนการ ค่าไฟจะไม่มีทางแพงเกินกว่าที่ควรจะเป็นหากรัฐบาลทั้งในอดีตและปัจจุบันไม่ไปลงนามสัญญารับซื้อไฟฟ้า ที่คำนึงถึงกำไรของเอกชนมากกว่าบิลค่าไฟของประชาชน และกรณีตึกถล่มที่ สตง. คงจะไม่เกิดขึ้นถ้ากระบวนการก่อสร้างไม่ได้เต็มไปด้วยข้อพิรุธและความไม่ชอบมาพากลในทุกขั้นตอน การเติม สส. รัฐบาลเพิ่มไปย่อมไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตเหล่านี้ได้
โฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า หากประชาชนอยากมองภาพใหญ่มากกว่าการได้ สส. เพียงคนเดียว ชาวนครศรีธรรมราชก็ถามใจตัวเองได้ว่าพอใจกับการบริหารประเทศของรัฐบาลใน 2 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ การเลือกตั้งวันที่ 27 เมษายนนี้เปรียบเสมือนกับการทำประชามติว่าประชาชนพอใจกับการบริหารประเทศในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ ในมุมหนึ่งทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบให้ผู้สมัครพรรคร่วมฯ เปรียบเสมือนเสียงปรบมือที่บอกว่าทุกนโยบายที่รัฐบาลทำมาดีแล้ว แต่ทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ผู้สมัคร สส. จากพรรคประชาชน จะเป็นเหมือนการส่งสัญญาณเตือนสติรัฐบาล ว่าหลายนโยบาย 2 ปีที่ผ่านมายังไม่เข้าเป้าและยังดีไม่พอ และรัฐบาลต้องทำงานให้หนักขึ้น

“จะส่งเสียงปรบมือให้รัฐบาลหรือส่งสัญญาณเตือนสติรัฐบาล อำนาจอยู่ในมือประชาชนในวันที่ 27 นี้ ผมเข้าใจดีว่าหลายคนในนครศรีธรรมราชอาจไม่ได้เห็นด้วยกับผมและพรรคประชาชนทุกเรื่อง แต่ท่ามกลางวิกฤตที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ หากชาวนครศรีธรรมราชเห็นตรงกับผมว่าประเทศไทยจะไปต่อแบบเดิมไม่ได้ ผมขอเชิญให้ทุกคนเข้าคูหากาเบอร์ 3 เพื่อส่งสัญญาณถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลว่าประเทศนี้ต้องการการเปลี่ยนแปลง” นายพริษฐ์กล่าวทิ้งท้าย