
นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มอบหมายให้ นายนพรัตน์ ธำรงทรัพย์ ผู้อำนวยการกองแผน เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “มหกรรมการออม 51 ปีทุนชุมชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก(ระดับกรมฯ)โดยมี นางสาววนิชดา สร้อยมณี ผู้อำนวยการกลุ่มงานประสานแผนและยุทธศาสตร์ปฏิบัติราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาทุนและองค์กรการเงินชุมชน เป็นผู้กล่าวรายงาน หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาคีจากสถาบันทางการเงิน เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน และเจ้าหน้าที่สังกัดกรมการพัฒนาชุมชน จำนวน 120 คน การดำเนินงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากวิทยากรหน่วยงานภาคีเครือข่ายจากสถาบันทางการเงิน และคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ทั้ง 6 จังหวัด ที่ร่วมจัดนิทรรศการ ประกอบด้วย จังหวัดสระบุรี สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี สระแก้ว และจังหวัดพิจิตร ณ ห้องสัมมนา 3003 ชั้น 3 กรมการพัฒนาชุมชน ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชนได้ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต มาตั้งแต่ปี 2517 ริเริ่มโดยศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ยุวัฒน์ วุฒิเมธี อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนคนที่ 8 โดยเริ่มดำเนินการครั้งแรกจำนวน 2 แห่ง คือ ตำบลขัวมุง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลละงู อำเภอละงู จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2517 ต่อมาได้กำหนดให้วันที่ 6 มีนาคมของทุกปีเป็นวันคล้ายวันก่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต และกำหนดให้วันที่ 6 – 8 มีนาคม ของทุกปี เป็นสัปดาห์รณรงค์การประหยัดและการออมของประชาชนกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เป็นงานสำคัญที่กรมการพัฒนาชุมชน ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 เพื่อส่งเสริมให้คนในชุมชนร่วมกันออมเงินเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนในชุมชน ให้สมาชิกสามารถกู้ยืมเงินออมไปลงทุนเพื่อประกอบอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการและยึดหลักคุณธรรม 5 ประการ ได้แก่ ซื่อสัตย์ เสียสละ รับผิดชอบ เห็นอกเห็นใจ และไว้วางใจ

สำหรับ โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาคนในชุมชนโดยใช้ “สัจจะออมทรัพย์” เป็นเครื่องมือในการสร้างวินัยการออมของสมาชิก นับว่าเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเองและชุมชน ให้มีการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเรียนรู้การทำงานในรูปแบบ “กระบวนการกลุ่ม” ดังนั้น จะเห็นว่ากลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตเป็นกองทุนชุมชนที่มีบทบาทสำคัญในการให้บริการทางการเงิน โดยเน้นการออมตามศักยภาพของสมาชิก และมุ่งเน้นการช่วยเหลือกันและกัน โดยให้สมาชิกที่มีความจำเป็นเดือดร้อนกู้ยืมไปใช้ในการลงทุนประกอบอาชีพหรือเพื่อสวัสดิการของตนเองและครอบครัว เป็นการส่งเสริมการพึ่งตนเองของชุมชนซึ่งเป็นรากฐานในการพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง สามารถแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำได้ ปัจจุบันมีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต จำนวน 34,178 กลุ่ม สมาชิก 4.2 ล้านคน มีเงินสัจจะสะสม 31,740 ล้านบาท สมาชิกกลุ่มฯ ได้รับประโยชน์ในการกู้ยืมเงินเพื่อประกอบอาชีพ โดยไม่ต้องอาศัยแหล่งทุนภายนอก 1.03 ล้านคน รวมเป็นเงิน 25,325 ล้านบาท นอกจากนี้ กลุ่มฯ สามารถลงทุนต่อยอดเป็นกิจกรรมเครือข่ายหลากหลายรูปแบบ เพื่อเป็นการเพิ่มเงินทุนและสร้างกิจกรรมสนับสนุนการประกอบอาชีพของสมาชิก เช่น ศูนย์สาธิตการตลาด ปั๊มน้ำมันชุมชน โรงสีชุมชน โรงน้ำดื่มชุมชน ลานตากผลผลิต ธนาคารข้าว เป็นต้น รวมถึงการนำผลกำไรไปพัฒนาและจัดสวัสดิการชุมชน หนุนเสริมเศรษฐกิจฐานราก

การจัดงานมหกรรมการออม 51 ปี ทุนชุมชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก (ระดับกรมฯ) เนื่องในวาระครบรอบ 51 ปี กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ในวันนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ด้านการส่งเสริมการออมภาคครัวเรือน และเป็นการสนับสนุนการขับเคลื่อนประเด็นเน้นย้ำของอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในปี 2568 ประเด็นที่ 2 การขับเคลื่อนหมู่บ้านทุนชุมชน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและแก้ไขปัญหายาเสพติด ด้วยงานทุนชุมชนประจำปี 2568 ทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วยด้านส่งเสริมการออม ด้านแก้หนี้ครัวเรือน ด้านแหล่งทุนสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ และด้านป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

กรมการพัฒนาชุมชน กำหนดทิศทางการส่งเสริมการออม ภายใต้แนวคิด “3พ2” (สามพอยกกำลังสอง) ประกอบด้วย
(1) พึ่งตนเอง พึ่งกันเอง พึ่งเครือข่าย พัฒนาและยกระดับโรงเรียนกลุ่มออมทรัพย์ฯ ให้มีคุณภาพมาตรฐานและทันต่อสถานการณ์
(2) เพิ่มสมาชิกกลุ่มเดิม เพิ่มการจัดตั้งกลุ่มใหม่ และเพิ่มเงินออม
(3) พัฒนาและยกระดับโรงเรียนกลุ่มออมทรัพย์ฯ ให้มีคุณภาพมาตรฐานและทันต่อสถานการณ์
ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมมหกรรมการออม 51 ปี ทุนชุมชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมเงิน และนำเงินไปใช้ในการพัฒนาอาชีพ พัฒนาคนให้มีคุณธรรม ฝึกประสบการณ์การบริหารเงินทุนให้กับบุคคลในชุมชน ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา คิดและแก้ไขปัญหาของตนเองด้วยวิธีการทำงานร่วมกัน เป็นการสร้างหลักประกัน สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สมาชิกในครัวเรือน ชุมชนพึ่งตนเองแก้ไขปัญหาความยากจน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
ภายในงานได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สำนักพัฒนาทุนและองค์กรการเงินชุมชน กับ คณะกรรมการเครือข่ายกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต รวมถึงมีการจัดเวทีเสวนา หัวข้อ “สานพลังภาคีเครือข่าย สร้างทุนชุมชนสู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” โดยผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้แทนจากธนาคารออมสิน ประธานเครือข่ายกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตระดับประเทศ และผู้อำนวยการ กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาทุนชุมชน สำนักพัฒนาทุนและองค์กรการเงินชุมชน และหัวข้อ “ความสำเร็จของการดำเนินงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต” โดย ผู้แทนคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ทั้ง 6 จังหวัด และกิจกรรม “ความรู้ทางการเงิน (Financial Knowledge)” โดย หน่วยงานภาคีจากสถาบันทางการเงิน
