
นายเอกฉัตร สุนทรหัทยา ประธานชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวและธุรกิจอำเภอไทรโยค ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท สวนไทรโยค รีสอร์ท จำกัด และกรรมการหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ปลดล็อก ‘แพ’ ประกอบธุรกิจโรงแรมได้ ตนมองว่า เป็นเรื่องที่ดี และเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะในหลายประเทศการพักโรงแรม รีสอร์ท ในลักษณะอาคารหลายๆ รูปแบบเป็นเรื่องปกติ เช่น ในแคชเมียร์ ประเทศอินเดีย จะมีโรงแรมที่เป็นเรือลอยอยู่ในน้ำ หรือประเทศในยุโรปแถบสแกนดิเนเวีย ที่ไปดูแสงเหนือ หรือในแอฟริกา ที่ไปดูวิถีชีวิตสัตว์ หรือในตะวันออกกลาง ตามทะเลทรายต่างๆ ก็มีที่พักลักษณะกระโจม เต้นท์ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของห้องพักในรูปแบบต่างๆมีกันอยู่ทั่วโลก
ทั้งนี้ มองว่าการปลดล็อกจะสามารถทำให้ที่พักซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบถูกต้องในการจะประกอบกิจการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม รีสอร์ท ได้ แต่ขอให้ทำตามสิ่งที่ภาครัฐกำหนดในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัย เช่น ความแข็งแรงของที่พัก ระบบดับเพลิง ระบบสุขาภิบาล การบำบัดน้ำเสีย การจัดเก็บขยะ มีการตรวจสอบจากภาครัฐได้และให้มีวิศวกรควบคุมควบคู่ไปด้วยนั้น จะทำให้นักธุรกิจผู้ประกอบการท่องเที่ยวโรงแรม รีสอร์ท ในรูปแบบที่พักอาศัยอื่นๆ ต้องการเข้ามาอยู่ในระบบให้ถูกต้องตามกฎหมาย ที่สำคัญคือรัฐจะได้จัดเก็บภาษี และเข้าควบคุมเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน จะทำให้มีรูปแบบที่พักใหม่ๆ รองรับและดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้เข้ามาพักตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทยได้ครอบคลุมทุกมิติทุกพื้นที่เพิ่มมากขึ้น
นายเอกฉัตร กล่าวย้ำว่า ิการปลดล็อก ‘แพ’ ในครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจในเรื่องของการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะจังหวัดกาญจนบุรี ที่มีศักยภาพในเรื่องของ ‘แพ’ เนื่องจากมีแม่น้ำหลายสาย ซึ่งสายหลัก ได้แก่ แม่น้ำแควน้อย แม่น้ำแควใหญ่ และแม่น้ำแม่กลอง และยังมีทะเลสาบขนาดใหญ่ เช่น อ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ และ อ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม โดยวิถีชีวิตของคนเมืองกาญจน์ในอดีต ก็เป็นชาวเรือชาวแพ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกแพพักอาศัย การล่องแพขนส่งสินค้า หรือการค้าขายอยู่บนแพริมแม่น้ำ ฉะนั้นการนำแพพักมาทำเป็นห้องพักในพื้นที่ที่เป็นธรรมชาติและถูกต้องตามกฎหมาย นักลงทุนที่เป็นเจ้าของธุรกิจก็สามารถที่จะลงทุนได้อย่างเต็มรูปแบบและยินดีที่จะเข้าสู่ระบบของภาครัฐ ส่วนในภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ ก็จะมีที่พักในรูปแบบที่เหมาะสมกับพื้นถิ่นนั้นๆ แตกต่างกันไป ทำให้นักลงทุนกล้าที่จะลงทุนก่อสร้างในรูปแบบที่สวยงาม ปลอดภัย ถูกต้องตาม พ.ร.บ.โรงแรม ซึ่งก็จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวในจังหวัดนั้นๆ ได้เช่นกัน ส่งผลให้เม็ดเงินหมุนเวียนสะพัดไปในการใช้จ่าย ทั้งภาคแรงงาน ภาคการเกษตร ภาคขนส่ง และภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปั้มน้ำมัน ร้านอาหาร ร้านของฝาก สินค้าชาวบ้าน สินค้าพื้นเมือง โอทอป ไกด์ มัคคุเทศก์ จึงเชื่อมั่นว่าการปลดล็อกในครั้งนี้นั้นจะช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับ อำเภอไทรโยค มีผู้ประกอบการที่มีแพพัก ไม่ต่ำกว่า 50 ราย แต่ละแห่งจะมีห้องพักเริ่มตั้งแต่ 10 ห้อง ไปจนถึงกว่า 80 ห้อง รวมแล้วประมาณว่ามีไม่ต่ำกว่า 1,000 ห้อง ถือว่าเป็น 1 ในอำเภอที่มีจำนวนแพพักมากเป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัด เนื่องจากอำเภอไทรโยคมีพื้นที่ภูมิประเทศที่สวยงามสายน้ำไหลไปตามหุบเขาโตรกผาและเกาะแก่งกลางน้ำ น้ำตกไทรโยคใหญ่ไหลลงสู่แม่น้ำทำให้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ส่วนภาพรวมทั้งจังหวัดคาดว่ามีแพพักรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 3,000 ห้อง (ไม่รวมแพลาก-แพล่อง) ซึ่งถือว่า จังหวัดกาญจนบุรี อาจถือว่ามีแพพักที่มากที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้
“หากปลดล็อกเรื่องแพได้ เชื่อว่าผู้ประกอบการพร้อมที่จะมีการก่อสร้างแพเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก และเมื่อนำแพทั้งหมดเข้าสู่ระบบได้ รัฐจะสามารถจัดเก็บภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ปีละนับร้อยล้านบาทเลยทีเดียว จะเป็นผลดีต่อภาครัฐทั้งทางภาษีและการควบคุมดูแลจัดการอีกด้วย จึงขอให้ภาครัฐได้ช่วยสนับสนุนเห็นชอบร่างกฏกระทรวงดังกล่าวเพื่อให้อาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรมดังกล่าว (แพ ตู้คอนเทนเนอร์ เต็นท์-กระโจม) สามารถประกอบธุรกิจโรงแรมได้”นายเอกฉัตรกล่าว
ข่าว/ภาพ : ปิยรัชต์ จงเจริญ ผู้สื่อข่าวจังหวัดกาญจนบุรี