ผกก.หนังสั้นชาวอิสราเอลโผล่ถ่ายฉากจบพระเอกแรงงานไทยตายจริง

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครพนม กลายเป็นที่ฮือฮากลางงานศพของแรงงานไทยในอิสราเอลเมื่อ  นายเศรษฐา โฮมสร หรือ ต้อม อายุ 36 ปี ชาวบ้านหนองเดิ่นพัฒนา ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม แรงงานไทยผู้เคราะห์ร้ายไปทำงานในประเทศอิสราลถูกทหารฮามาสทำร้ายจนเสียชีวิต ถือเป็นรายที่ 2 ของจังหวัดนครพนม ทางรัฐบาลไทย พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้อง ได้ประสานนำศพส่งกลับไทย บ้านเกิดนครพนม เพื่อมาบำเพญกุศล ตามประเพณี ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดย นายเศรษฐา เป็นแฝดคนน้อง ที่ไปทำงานที่อิสราเอลทั้งคู่ ส่วนแฝดคนพี่ คือ นายเจษฎา โฮมสร หรือตั๊ม อายุ 36 ปี รอดชีวิตกลับถึงบ้านปลอดภัย หลังไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ประมาณ 4 ปี

ขณะเดียวกัน กลายเป็นที่ฮือฮาระหว่างจัดงานศพ เนื่องจาก นายโจนาธาน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Tom (ทอม) อายุ 30 ปี ผู้กำกับหนังชาวอิสราเอล ได้เดินทางมาร่วมงานศพพร้อมเปิดเผยข้อมูลผ่านล่ามว่า ตนเป็นผู้กำกับหนังสั้นชาวอิสราเอล กำลังสร้างหนังสั้น 1 เรื่อง แต่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ ในเนื้อเรื่องต้องการนำเสนอเกี่ยวกับชีวิตของแรงงานไทยตามแนวชายแดน และมีโอกาสได้รู้จักกับ นายเศรษฐา แรงงานไทยมรอิสราเอลที่เสียชีวิต พร้อมทาบทามให้เป็นพระเอกหนังสั้น ถ่ายทำมากว่า 2 ปีแล้ว เพราะจะต้องเก็บรายละเอียดในการทำงานของแรงงานไทยทุกขั้นตอน รวมทั้งตัวแสดงต้องวิ่งหนีระเบิดที่ยิงมาจากฝั่งปาเลสไตน์

ทั้งนี้บทสุดท้ายของเรื่องพระเอกจะต้องถูกยิงตาย สุดท้ายไม่คิดเลยว่า พล็อตเรื่องของหนังสั้นของตนจะกลายเป็นเรื่องจริง เพราะนายเศรษฐา พระเอกในเรื่อง เขียนบทไว้จะต้องถูกฆ่าตายจากน้ำมือของกลุ่มฮามาส ตนในฐานะผู้กำกับขอสแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และเพื่อให้หนังสั้นจบบริบูรณ์ จึงเดินทางมาถ่ายทำตอนที่มีการฌาปนกิจศพ และจะอยู่กับครอบครัวของนายเศรษฐา ประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นจะนำไปสู่ขบวนการตัดต่อก่อนนำออกฉาย เมื่อถ่ายทำเสร็จสมบูรณ์ มีความตั้งใจว่าจะส่งฉายทั่วโลก และได้มีโอกาสมาแสดงความเสียใจกับครอบครัว ผู้เสียชีวิตด้วย

นายเจษฎา โฮมสร หรือตั๊ม อายุ 36 ปี แฝดพี่ แรงงานไทยในอิสราเอล รอดชีวิตกลับถึงบ้านปลอดภัย เปิดเผยว่า ตนเป็นแฝดพี่ ไปทำงานที่อิสราเอลได้ประมาณ 4 ปี มีน้องชายคนสุดท้องอีกคน คือ นายป้อม อายุ 32 ปี เดินทางไปทำงานด้วยกัน รวม 3 คน เพราะมีรายได้ดี จึงชักชวนกันไปทำงานในฟาร์มเกษตร แม้รู้ว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงสงคราม แต่ไม่เคยเกิดความรุนแรง

จนกระทั่งวันเกิดเหตุ ทหารฮามาสบุกเข้ามาจับแฝดคนน้อง ไปทำร้ายจนเสียชีวิต แต่ตนอยู่คนละแคมป์คนงาน จึงหนีเอาตัวรอดทัน มาทราบภายหลังว่าแฝดคนน้อง เสียชีวิต จึงประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์อัตลักษณ์ นำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ยอมรับเสียใจมาก ต้องสูญเสียคนในครอบครัว แต่หากสงครามสงบ อยากกลับไปทำงานอีก เพราะเชื่อมั่นว่า จะเป็นทางเดียวที่จะสามารถสร้างฐานะให้ดีขึ้น เพราะค่าแรงานในไทยต่ำ

ข่าว/ภาพ : พัฒนพงษ์ ศรีเพียชัย ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครพนม

Message us