เมื่อวันที่ 17 ต.ค. เวลา 14.00 น. ตำรวจ สน.บางเขน รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด บริเวณหน้าป้อมยามทางเข้าบริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” ซอยรามอินทรา 9 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ จากการตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยเป็นแท่งกระดาษสีน้ำตาลยาวประมาณ 10 นิ้ว จำนวน 3 แท่ง พันด้วยสายไฟ บรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกสีดำ จึงได้ใช้ยางรถยนต์ 2 เส้น ครอบวัตถุต้องสงสัย และกั้นโปลิศไลน์พร้อมกันคนออกจากบริเวณดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุต้องสงสัย EOD ได้เข้ามาตรวจสอบแท่งกระดาษสีน้ำตาลยาวประมาณ 10 นิ้ว จำนวน 3 แท่ง ที่พันด้วยสายไฟบรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกสีดำ พบว่าในแท่งกระดาษดังกล่าว เป็นท่อพีวีซี ไม่มีระบบไฟ ทำสายไฟวงจรหลอกไว้เท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน จะได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบ เพื่อหาผู้ที่นำกระเป๋าดังกล่าวมาทิ้งไว้ เบื้องต้นคาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์
ต่อมา พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน เปิดเผยหลังเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด EOD ดำเนินการตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่า ผลจากการเอกซเรย์ พบว่า ภายในกระเป๋าสีดำ เป็นท่อ PVC ห่อกระดาษจำนวน 5 ท่อ ไม่มีดินปืนหรือสารเคมีก่อระเบิด ส่วนนาฬิกาและแผงวงจรที่พบไม่สามารถนำมาประกอบเพื่อจุดชนวนระเบิดได้ จึงเชื่อได้ว่าไม่ใช่วัตถุระเบิด เลยดำเนินการเก็บวัตถุเป็นของกลางนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่ สน.บางเขน
พร้อมกันนี้ จะดำเนินการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาตัวผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของใคร มีวัตถุประสงค์อะไร ส่วนจะเป็นการสร้างสถานการณ์เชื่อมโยงกับคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ที่กำลังมีเป็นประเด็นในขณะนี้หรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ แต่ทั้งนี้ พฤติการณ์ดังกล่าว ถือเป็นการสร้างสถานการณ์ ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวมีความผิดตามกฎหมาย
ด้านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโครงการ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพบเจอกล่องลักษณะนี้ในโครงการเป็นปกติ มีไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์ช่าง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แม่บ้านได้พบกล่องใบนี้แล้วมาวางไว้บริเวณด้านหน้าห้องน้ำของโครงการ จนกระทั่งวันนี้ตนเองไปหาอุปกรณ์เพื่อซ่อมรองเท้า จึงได้เปิดกล่องดังกล่าว และพบลักษณะคล้ายวัตถุระเบิด จึงนำกล่องมาวางไว้หน้าโครงการเพื่อความปลอดภัยของคนในโครงการ แล้วประสานตำรวจเข้ามาตรวจสอบ
สำหรับ สาเหตุไม่สามารถตอบได้ว่าจะเป็นการข่มขู่หรือสร้างสถานการณ์ ต้องให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการสืบสวน ตนไม่ทราบว่ามีบุคคลต้องสงสัยหรือไม่ เพราะมักจะมีคนแปลกหน้าที่เข้าออกในโครงการเป็นเรื่องปกติ เพราะโครงการนี้มีหลายบริษัท มักจะมีคนเข้าออกตลอดเวลาอยู่แล้ว ทั้งพนักงานบริษัท ลูกค้าบริษัท และคนมาส่งของ
