“นายกเล็กเอกพจน์”ชี้แจงทุกปมสงสัยยันทำงานโปร่งใส

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายเอกพจน์ ปานแย้ม นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองคลองหลวง จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า กรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทุจริตถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโรคระบาดโควิด-19 ตนเองขอเท้าความก่อนว่า ช่วงนั้นตนเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งได้ประมาณ 4 เดือน ขณะนั้นโรคระบาดโควิด-19 ระบาดหนัก เราได้รับคำสั่งให้จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม โดยจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 2 แห่งทั้งสีเขียวและสีเหลืองคือที่โดมวัดแสงสรรค์ และสถานปฏิบัติธรรมเบญจมบพิตรธรรมสถาน

ทั้งนี้ ขณะนั้นเป็นที่ทราบกันดีกว่า ประชาชนไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนเลยเพราะว่าโควิดระบาดรุนแรงมาก ทางเทศบาลคลองหลวงเป็นห่วงพี่น้องประชาชน ได้หารือพูดคุยกับกองสวัสดิการของเทศบาลว่า เราทำถุงยังชีพไปแจกจ่ายประชาชนดีไหมเพราะประชาชนไม่กล้าออกไปไหน ทุกอย่างผ่านคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือทุกภาคส่วนรวมถึงอำเภอด้วยและต้องเข้าสภาขอความอนุมัติจากสภาด้วย ตนเองให้นโยบายไปว่า ถ้าจัดทำถุงยังชีพเราต้องทำให้ครอบคลุมทุกครัวเรือนที่อยู่ในความรับผิดชอบของเรากว่า 20,000 ครัวเรือน โดยให้ชาวบ้านมาลงทะเบียนรับถุงยังชีพ

นายเอกพจน์ กล่าวว่า ตรงนี้อาจเป็นประเด็นว่า ชาวบ้านมาลงแต่อาจจะไม่ครบทั้งหมด บางทีเจ้าหน้าที่อาจจะเข้าไปไม่ถึงและชาวบ้านไม่กล้าออกมาจากบ้าน เทศบาลก็ทำการแจกจ่ายครบถ้วนตามที่ประชาชนลงทะเบียนมา กว่า 15,000 ชุด ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบกฎหมายทั้งหมด การเมืองฝ่ายตรงข้ามก็ไปร้อง แต่เราก็ชี้แจงได้ทั้งหมด จนกระทั้งมาปี 2567 ก็มีหนังสือคำสั่งจาก ป.ป.ช. ชี้มูลให้เราซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของเทศบาลที่เป็นกรรมการ ให้เราดำเนินการตามที่ป.ป.ช.ชี้มูล ในสำนวนนั้นก็เห็นว่า มีการชี้มูลตนเองด้วย เราไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.ซึ่งมันตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริงทั้งหมด เป็นการกล่าวหาอ้างฝ่ายเดียว เราก็ดำเนินการทางกฎหมายโดยยื่นเรื่องทบทวนผ่านจังหวัดไปถึง ป.ป.ช.ให้ทบทวนคำสั่งและคำวินิจฉัยมติของ ป.ป.ช.ในส่วนของทางอาญา เราก็ได้ยื่นขอความเป็นธรรมไปกับอัยการ เพราะเราเห็นว่า ข้อกล่าวหาและคำวินิจฉัยไม่ถูกต้องเราก็ต้องต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของเรา ซึ่งทั้งสองส่วนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ

สำหรับ โครงการขุดลอกคลอง กำจัดผักตบชวา ก็ทำตามระเบียบและอำนาจหน้าที่ที่ทำได้ สามารถตรวจสอบได้ กรณีการขุดลอกคลอง ได้นำรถหลวง เรือหลวง น้ำมันหลวง มาใช้ขุดลอกคลองที่หมู่ 5 และหมู่ 1-3 โดยมีรถ อบจ.และรถของเทศบาล และบอกว่าตนได้ตั้งโครงการจัดทำพร้อมที่จะเบิกงบประมาณ ตามที่อีกฝ่ายเขาร้องเรียนมา ตนเองขอเรียนว่า มันคนละส่วนคนละเรื่องกันเลย เครื่องมือหนักเทศบาลไม่มีก็ต้องขอสนับสนุน อบจ. สนับสนุน รถพร้อมคนขับ สนับสนุนน้ำมัน ไม่ผิดระเบียบสามารถทำได้ เพราะผักตบชวาขึ้นหนาแน่นมากเป็นระยะทางยาวกว่า 10 กิโลเมตร ถ้าไม่รีบดำเนินการถ้าน้ำหลากมาจะระบายไม่ทัน บางส่วนกองช่างก็แนะนำให้จ้างเหมาเพื่อจะได้รวดเร็วในการจัดเก็บผักตบชวา บางส่วนชลประทานก็ส่งเรือโป๊ะมาสนับสนุน ไม่มีส่วนไหนที่ผิดระเบียบเลย ฝ่ายตรงข้ามก็เอามาเป็นประเด็นโจมตีตนเอง ทุกข้อสงสัยตนเองสามารถตอบได้ทุกข้อ

นายเอกพจน์ กล่าวว่า เรื่องที่ร้องเกี่ยวกับการปรับปรุงอาคารเทศบาลเมืองคลองหลวงว่าใช้งบประมาณ 49 ล้าน ในการปรับปรุงแพงเกินความเป็นจริง และยังไม่แล้วเสร็จตามข้อกล่าวหา ตนขอชี้แจงว่า ทั้งหมดเป็นไปตามคณะกรรมการเขาพิจารณา เป็นไปตามแบบ ปัญหาที่มันไม่แล้วเสร็จที่จริงมันเหลืออีกไม่ถึง 10% ปัญหาเกิดจากผู้รับจ้างทิ้งงาน โดยคณะกรรมการก็ตรวจสอบว่า ส่วนไหนไม่ครบ ไม่เป็นไปตามสัญญา งวดงานที่เบิกจ่ายไปแล้วอันไหนครบอันไหนไม่ครบบ้าง เพราะยังมีส่วนที่เราจะต้องไปจ้างเพิ่มเติม จ้างทำต่อและส่วนที่เราจะต้องไปปรับจากผู้รับจ้างเดิม ซึ่งมันมีเงินวางประกันไว้อยู่ คณะกรรมการชุดนี้ดำเนินการเสร็จแล้ว อยู่ที่ขั้นตอนพัสดุ ต้องไปดำเนินการเพื่อให้คณะกรรมการจัดจ้างต่อซึ่งเหลือเนื้องานไม่ถึง 10%

สำหรับ การจัดดำเนินโครงการสร้างถนนเลียบคลองและเขื่อนที่คลองสอง เรื่องนี้พี่น้องประชาชนก็รับทราบไปพอสมควรแล้วซึ่งตนก็ชี้แจงผ่านทางเพจทางเฟซบุ๊กมาโดยตลอด เราประสบปัญหาเรื่องที่ชลประทานสั่งระงับการก่อสร้างเนื่องจากมีคนมาร้องเรียนว่ายังไม่มีการขออนุญาต ทางเทศบาลก็ทำการก่อสร้างไปแล้ว ลงเสาเข็มไปกว่า 80% เราก็แจ้งให้ผู้รับจ้างหยุดทำงานก่อนเราก็รอประสานงานกับชลประทานมันก็กินเวลาพอสมควร ทางเทศบาลก็เป็นกังวลเป็นห่วงมากชาวบ้านที่เขาเดือดร้อนในการสัญจรไปมา เราต้องการพัฒนาถนนเส้นนี้โดยเฉพาะฝั่งตะวันตก ผิวจราจรเดิมมีความกว้าง 4 เมตรมา 10 กว่าปีแล้ว ปัจจุบันประชากรเพิ่มมากขึ้น ปริมาณรถเพิ่มมากขึ้น การสัญจรไปมามันใช้เส้นทางร่วมกันทุกคลอง คลอง 2 คลอง 3 คลอง 4 มันเชื่อมกันหมดคนจะใช้เส้นทางเหล่านี้กันเยอะมาก หมู่บ้านเพิ่มขึ้นเราต้องการจะพัฒนาถนนเส้นนี้จาก 4 เมตรเป็น 6 เมตรพร้อมทำเขื่อนกันสไลด์ เราก็อยากจะพัฒนาตรงนั้น จะสังเกตุว่ าโครงการที่เราทำทั้งหมด 7 กิโลเมตรฝั่งตะวันตกและก็ทำเพิ่มเติมฝั่งตะวันออกอีก 1,700 เมตรเพิ่มจากเดิมที่เคยทำมา แล้วก็มีอีกส่วน ถนนเลียบคลอง หมู่ 17 เชียงราก ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ตอนนี้ทำไปได้ 1 กิโลเมตร

นายเอกพจน์ กล่าวว่า ตนก็ได้ไปขอความอนุเคราะห์จากร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่มาพร้อมอธิบดีกรมชลประทาน ผอ.สำนักที่ 11 แล้วก็ตัวแทนชลประทานรังสิตเหนือ โดยร.อ.ธรรมนัส ยังบอกกับชลประทานว่า ไประงับงานก่อสร้างของเขาทำไม เขาก็ใช้งบประมาณของเขาทำไม่ได้ใช้งบชลประทาน ตัวอธิบดีกรมชลประทานก็ยังชื่นชมว่าทำแล้วสวยงามมีแต่ตรงประตูระบายน้ำที่เราไปแตะต้องไม่ได้ก็ต้องตัดชิ้นงานบางส่วนไปเพราะมันไม่สามารถลงเข็มได้ อธิบดียังบอกว่าตรงนี้ไม่เป็นไรเดี๋ยวชลประทานจะเอางบประมาณมาต่อให้ ร.อ.ธรรมนัสก็สั่งการให้ชลประทานอนุญาตให้ทางเทศบาลก่อสร้างต่อ ให้ทางผู้รับจ้างไปดำเนินงานต่อได้เลย แต่ขณะนั้นเราก็มีปัญหาภายในที่ตนได้ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง การเบิกจ่ายของผู้รับจ้างที่เขาทำงานไปแล้วส่งงวดงานครบถ้วนตรวจรับงานครบถ้วนแล้ว แต่ ผอ.กองช่างไม่เซ็นเบิกจ่ายอ้างว่า ชลประทานยังไม่อนุญาต เราก็ขอให้ชลประทานเร่งรัดดำเนินการด้วยเนื่องจากผู้รับจ้างก็เบิกไม่ได้ เข้าไปทำงานก็ไม่ได้ เราก็ทำบันทึกแย้งยืนยันกับไปยัง ผอ.กองช่างว่า เรื่องการเบิกจ่ายต้องทำไปตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยและกรมบัญชีกลาง

อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้รับจ้างส่งงานแล้วตรวจรับครบแล้วต้องเบิกจ่ายให้เขา แต่ก็ไม่ยอมเซ็นหลายฎีกาจนต้องตั้งกรรมการสอบเสนอไปทางจังหวัดให้พิจารณา นี่คือปัญหาที่เราไม่อยากให้เกิด เราต้องการพัฒนาสร้างประโยชน์ให้ชาวบ้านมันไม่มีเหตุผลเลยที่จะทำให้งานมันล่าช้า ถนนเส้นนี้ไม่เคยพัฒนาเลยตั้งแต่ยังเป็นสุขาภิบาล ขณะนี้ผู้รับจ้างก็เริ่มเข้าไปทำงานแล้ว ล่าสุดทางชลประทานได้มีหนังสืออนุญาตมาแล้ว เราก็ดำเนินงานให้เร็วที่สุด

“ผมยืนยันว่าที่ผ่านมาทำตามระเบียบตามอำนาจหน้าที่ที่ทำได้มาโดยตลอด แต่ฝ่ายตรงข้ามก็พยายามหาเรื่องมาเป็นประเด็นร้องเรียนและขับไล่ผม หากประชาชนสงสัยในการทำงานของเทศบาลเมืองคลองหลวง สามารถเดินทางมาพบที่เทศบาลและให้ผมชี้แจง ผมพร้อมจะตอบและชี้แจ้งกับพี่น้องประชาชนได้ทั้งหมดหากมีข้อสงสัยในการปฎิบัติหน้าที่”นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองคลองหลวงกล่าว

Message us