
เมื่อวันที่ 27 มกราคม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานเปิดตัว (Kick Off) โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้มีอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป โดยมีชื่องานว่า “สูงวัยชื่นมื่น เงินหมื่น ถ้วนหน้า” ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมี บรรดารัฐมตรีและผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นต้น
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญ รัฐบาลนี้เน้นย้ำว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็น และทำมาอย่างต่อเนื่อง นโยบายต่างๆที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนมีกิน มีใช้ และที่ผ่านมามีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ที่พิการ กว่า 14.45 ล้านคน ในเฟสแรก และวันนี้เป็นเฟสที่ 2 ของการกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ การแจกเงิน 10,000 ให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนรอคอย โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งที่ผ่านมาที่เกิดขึ้น ได้กลับการตอบรับที่ดี มีการจับจ่ายใช้สอยอย่างมากมาย ทำให้เศรษฐกิจถูกกระตุ้นขึ้น บางคนนำเงินที่ได้มารวมกันในครอบครัว เพื่อต่อยอดทำธุรกิจ และหารายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จของรัฐบาล และครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่จะแจก 10,000 บาทผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชนให้กับผู้สูงอายุจำนวน 3 ล้านคน และเศรษฐกิจจะถูกเติมเงินกว่า 30,000 ล้านบาท จึงขอแสดงความยินดีกับประชาชน และหวังว่าจะมีการจับจ่ายใช้สอยเกิดขึ้นและเงินจำนวนนี้จะสามารถช่วยประชาชนในการบรรเทาทุกข์ และแบ่งเบาภาระในหลายอย่าง และสามารถต่อยอดในชีวิตได้อีกด้วย วันนี้ถือเป็นวันที่ดีขอให้ทุกทุกคนรับเงินไปได้ใช้กันอย่างเต็มที่ และสบายใจ ส่วนเฟสต่อไปวันนี้กระทรวงการคลังให้รายละเอียดต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กดปุ่มส่งมอบเงินให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิฯ จำนวนกว่า 3,000,000 คน ก่อนจะพูดคุยกับ ป้าจันทร์ อายุ 79 ปี ซึ่งมีอาชีพค้าขาย อยู่ที่ตลาดเคหะทุ่งสองห้อง และเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเงิน จำนวน 10,000 บาท ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) เพื่อสื่อสารและรับฟังความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ
นายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงอาชีพ และได้เงิน 10,000 จะนำไปทำอะไรบ้าง ซึ่งป้าจันทร์ ตอบกลับว่า ตนเองมีอาชีพขายไข่ไก่อยู่ที่ตลาดเคหะทุ่งสองห้อง โดยจะนำเงินส่วนหนึ่งไปต่อยอดในอาชีพ และอีกส่วนหนึ่งจะนำไปจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน เช่น ซื้อข้าวสาร น้ำมัน และสิ่งต่างๆที่จำเป็นที่จะใช้ในชีวิต
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีกับป้าจันทร์ ซึ่งรัฐบาลคอยเป็นกำลังใจ และขอให้กำลังใจรัฐบาลด้วย ซึ่งป้าจันทร์ ตอบว่า ขอให้กำลังใจรัฐบาลอย่างเต็มที่ และขอบคุณนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐบาลชุดนี้ที่ดูแลประชาชนได้อย่างดี
ทั้งนี้ รัฐบาลจะโอนเงินตามที่ผู้มีสิทธิลงทะเบียนไว้กับแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” หากไม่ได้รับกระทรวงการคลังจะโอนซ้ำอีก 3 ครั้ง เมื่อครบกำหนดแล้วจะยุติการโอนเงิน และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงิน จากนั้นจะรวบรวมข้อมูลส่วนที่เหลือเพื่อประมวลเหตุผลในการที่ยังไม่ได้รับ เช่น บางกลุ่มอาจไม่มีสมาร์ทโฟนและไม่ได้ลงทะเบียน ซึ่งรัฐบาลจะรอเหลือ เพื่อกำหนดทิศทางและวิธีการต่อไป