นายกฯอัพเดทสถานการณ์ช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทยว่า ตนเรียนเชิญเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย มาอัพเดตสถานการณ์และขอร้องว่าให้ช่วยคนไทยอย่างไรบ้าง โดยเรื่องแรกส่วนคนงานไทยที่เสียชีวิตในอิสราเอลก็ขอร้องผ่านเอกอัครราชทูตไปว่า ขอให้นำกลับมายังประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ซึ่งทางอิสเราเอลก็ขอความเห็นเช่นกัน เนื่องจากมีขั้นตอนหลายอย่าง แต่ได้รับปากว่าจะช่วยอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตเป็นพันศพ จำเป็นต้องมีการชันสูตรและพิสูจน์ทราบ แต่การยืนยันว่าจะให้ควมสำคัญอย่างเต็มที่ เนื่องจากขั้นตอนการพิสูจน์ทราบอัตลักษณ์มีความสำคัญ เพราะมีการเสียชีวิตแล้ว จะได้เงินค่าตอบแทน รวมทั้งบุตรธิดาด้วย ที่จะได้รับค่าตอบแทนตลอดชีวิต ดังนั้นต้องทำให้ถูกต้องก่อนนำศพกลับมาประเทศไทย ขอร้องว่าให้ใจเย็นๆ เข้าใจความรู้สึกขอครอบครัวดี และรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างเต็มที่

นายเศรษฐา กล่าวว่า ในการหารือกับเอกอัครราชทูตฯ ขอร้องไปทางอิสราเอลว่ามีคนไทยจำนวนหนึ่งที่แสดงเจตจำนงกลับประเทศไทยกว่า 6 พันคนแล้ว ซึ่งความรวดเร็วในการอพยพมายังที่ปลอดภัยต้องยอมรับว่า ข้อมูลยังสับสนอยู่ แต่ที่แน่นอนคือจะสามารถอพยพได้วันละ 200 คน ซึ่งทางเอกอัครราชทูตยืนยันว่า มีเครื่องบินมารับเท่าไร ก็พร้อมที่จะนำส่งกลับออกมาทันที

สำหรับ จุดใหญ่วันนี้คือเครื่องบินที่จะต้องไปรับกลับมาให้ได้ วันนี้คณะทำงานฯจะประชุมเพื่อหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อนำคนไทยกลับมาได้โดยเร็ว ซึ่งเอกอัครราชทูตฯให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลอิสราเอลให้ความสำคัญสูงสุดในการลำเลียงคนออกมาจากจุดต่างๆ มายังจุดปลอดภัยและพร้อมส่งกลับ รวมทั้งระหว่างรอก็มีประชาชนที่ประสบปัญหาด้านจิตใจ ซึ่งรัฐบาลอิสราเอลให้ความสำคัญในการเข้ามาดูแลอย่างดีเท่าที่จะทำได้

นายเศรษฐา กล่าวว่า ปัญหาที่ยังเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียว่ามีคนไทยถูกบังคับให้ทำงานอยู่ที่พื้นที่ที่เกิดภาวะสงคราม ซึ่งเอกอัครราชทูตฯรับทราบถึงปัญหาดังกล่าว และพยายามฟื้นหาความจริงให้ได้ และเห็นด้วยกับตนร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะมาบังคับให้ทำงานในภาวะสงครามไม่ได้ ไม่ควรจะให้เกิดในช่วงเวลาเช่นนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราต้องลืมเรื่องผลประโยชน์ไปก่อน และเอาความปลอดภัยของประชาชนคนไทยมาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

“เอกอัครราชทูตฯยืนยันว่าภาระสงครามไม่ได้ลดหย่อนลง ความเข้มข้นยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ต้องขอร้องและวิงวอน ซึ่งความจริงก็คือการกดดันเอกอัครราชทูตฯท่านว่า คนของเราไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง หรือเป็นส่วนหนึ่งของข้อพิพาทของใครทั้งนั้น แต่เรากลายเป็นชาติที่สูญเสียมากเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ ถ้าไม่นับอิสราเอล เรามีผู้เสียชีวิต ณ เวลา 21 คน ถือว่าสูญเสียมาก และยังไม่แน่ใจว่าจะมีแค่นี้หรือไม่” นายกฯ กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า ในการหารือและขอร้องเอกอัครราชทูตฯเป็นเรื่องสุดท้ายคือเรื่องของตัวประกัน ขอให้ดูแลและขอร้องให้เร่งเจรจาเพื่อนำตัวออกมาให้ได้ และตัวประกันไม่ได้ของชาติไทยเพียงชาติเดียว ตัวประกันทุกชาติก็ไม่ได้เป็นส่วนของข้อพิพาทตรงนี้ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะดูตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศฉบับใดก็ตามคนเหล่านี้ต้องถูกปล่อยออกมาโดยเร็วที่สุด และต้องให้ความสำคัญที่สุด รัฐบาลไทยก็พยายามใช้ทุกเส้นทาง ทั้งเรื่องความมั่นคงคงไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลทำอย่างเต็มที่

นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้คณะทำงานฯจะเชิญตัวเเทนสายการบินเอกชนต่างๆ มาพูดคุยที่กระทรวงการต่างประเทศ หวังว่าจะมีความคืบหน้าออกมา เพราะมีขั้นตอนหลายอย่างในการบินข้ามประเทศ และน่านฟ้า เที่ยวบินพิเศษต่างๆที่จะบินผ่านเข้าไป จะต้องขออนุญาตก่อน ไม่ว่าน่านฟ้าประเทศไหน ซึ่งทางกต.พยายามอย่างเต็มที่

กระทรวงสาธารณสุขเองก็เตรียมที่พร้อมที่จะรับผู้ป่วยกลับมา กระทรวงแรงงานก็ช่วยประสานงานอย่างเต็มที่ ทำงานกันโดยตลอดไม่ได้หยุด ทั้งนี้ในเรื่องการขออนุญาตบินผ่านน่านฟ้า ของแต่ละไฟลท์ กำลังพยายามเจรจาในการลดขั้นตอนเพื่อเป็นการประหยัดเวลา เพราะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่ปกติ เกิดภาวะสงคราม ก็หวังว่านานาชาติจะช่วยอำนวยสะดวกให้เรา เพราะปัจจุบันเครื่องบินที่จะไปนำคนไทยกลับมายังไม่เพียงพอกับความต้องการ และเห็นใจครอบครัวที่อยู่ในประเทศไทย ใจเขาใจเรา

เมื่อถามถึงข้อกังวลเกี่ยวกับเอกสารของคนไทยที่จะนำกลับ จะลดขั้นตอนอย่างไรให้เกิดความรวดเร็ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งความสำคัญสูงสุดของเราคือต้องพาคนไทยออกมาให้เร็วที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าภาวสงครามนี้จะยึดเยื้อนานขนาดไหน ตนจึงสั่งการท่านทูตไปว่าเรื่องเอกสารเป็นเรื่องรอง

เมื่อถามว่า ความคืบหน้าการนำคนไทยไปพักไว้ในประเทศที่ 3 นายเศรษฐา กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังคุยอยู่ซึ่งน่าจะมีประเทศอียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเมืองจิดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ก็พยายามคุยกันอยู่ ถ้าหากเข้าไม่ได้ก็จะพักคอยไว้ แล้วหากมีสายการบิน สามารถบินเข้าออกได้ก็ให้รับมาเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว

“ยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางที่สามารถทำได้ ซึ่งจากการพบกับทูตอิสราเอลเมื่อสักครู่ ผมมีความสบายใจขึ้นมานิดนึง เพราะท่านทูตยืนยันว่าไม่ต้องห่วงตอนนี้พร้อมหมด ใครจะมาถ้ามีเครื่องบินพอก็สามารถออกมาได้หมด ซึ่งสามารถขนย้ายคนมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว และในพื้นที่สู้รบ (red zone) 0-4 กิโลเมตร ซึ่งในฉนวนกาซา 99 % ของคนไทยหรือชาวต่างชาติที่เป็นผู้บริสุทธ์ ถูกอพยพออกจากพื้นที่สู้รบแล้ว ตอนนี้ต้องไปดูว่าพื้นที่โซน 4-9 กิโลเมตร จะทำอย่างไรต่อไปก็จะพยายามเต็มที่” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า จะสนับสนุนค่าเดินทางสำหรับผู้ที่ประสงค์จะเดินทางออกมาเองหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตรงนี้ตนเชื่อว่ารัฐบาลรับผิดชอบให้ได้แน่นอน ไม่ใช่ส่วนหนึ่งแต่เป็นทั้งหมด ซึ่งเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบตรงนี้

เมื่อถามถึงกรณีกรณีของสายสัญญาณโทรศัพท์ที่ร้องเรียนจากผู้ใช้แรงงานว่าโทรศัพท์ไม่ติด นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้รับรายงานมา คาดว่าเป็นเรื่องของคู่สายที่มีการใช้กันเป็นจำนวนมาก มีคนพูดคุยกันมากก็ต้องรอต่อไป

เมื่อถามว่า จะมีโอกาสไปรับคนไทยที่กลับจากอิสราเอลหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องดูเวลาอีกที เพราะวันจันทร์ที่ 16 ต.ค. มีภารกิจต้องเดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน และซาอุดิอาระเบีย วันนี้มีหลายอย่างที่อยากทำ มีคนเจ็บก็อยากไปเยี่ยม และจะพยายามดูจังหวะเวลาว่าง อย่างพรุ่งนี้ (14 ต.ค.) ก็ต้องลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ถ้ามีอะไรคือหน้าจะเชิญมาแถลงข่าวอีกครั้ง เพราะสื่อมวลชนก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ญาติที่น้องที่อยู่ประเทศไทยสบายใจ ตนตระหนักดีถึงใจเขาใจเรา มีคนเดือดร้อน และมีคนไม่สบายใจเยอะในเรื่องนี้

Message us