นายกฯสั่งตำรวจไซเบอร์จับตัวใหญ่ขีดเส้น 30 วันต้องชัดเจน

เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารพระชนมพรรษา 60 พรรษา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง  เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับข้าราชการตำรวจและเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)  โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทนผบ.ตร. และพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  (ผบช.สอท.) มารอต้อนรับ

นายเศรษฐา กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า  ตนคิดว่าถึงเวลาที่ตนจะต้องมาที่นี่ คงไม่ต้องอารัมภบทอะไรมากมาย  เชื่อว่าเป็นที่ประจักษ์ดีอยู่แล้วว่าบช.สอท. ถูกสังคมเพ่งเล็งเยอะมากต้องยอมรับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) 2 ท่าน เพื่อให้ขบวนการยุติธรรมเดินไปได้อย่างถูกต้อง  จะต้องไม่มีการก้าวก่ายและก้าวล่วง และให้ความเป็นธรรมกับท่านทั้ง 2 ด้วยเหมือนกัน ตนเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ในที่นี้  โดยเฉพาะรักษาการผบ.ตร.รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเป็นเรื่องที่ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะต้องจัดการให้หมดสิ้นไป หากอ่านหนังสือพิมพ์ฟังข่าวสารมาบอกว่า ท่านผู้บัญชาการคนนั้นเป็นเด็กคนนั้นคนนี้ ตนว่ามันไม่แฟร์สำหรับท่านทั้ง 2 คน

ทั้งนี้ ตนว่าไม่มีอะไรตอบสังคมได้ดีกว่าการปฏิบัติของพวกท่านทุกคน และหน่วยงานต่างๆ แต่ตนคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องพิสูจน์กันว่าจริงๆแล้ว ไม่ใช่ตนไม่ใช่รักษาการ แต่คือประชาชน โดยงานที่ดูแลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหวยออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนัน และเฟคนิวส์ทั้งหลายเหล่านี้เชื่อว่ากระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน เราทุกคนในที่นี้ มีความเกี่ยวข้อง ต้องมีความรับผิดชอบให้พี่น้องประชาชนอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีได้รับความเป็นธรรม ในการถูกคุ้มครองซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีไปไกลมาก และการที่พี่น้องประชาชนถูกมอมเมา ถูกหลอกลวง ถูกต้มตุ๋น ทั้งหลายนี้ บางคนเก็บเงินมาทั้งชีวิตถูกคอลเซ็นเตอร์หลอกไปหมดเลย  บางคนเก็บเงินไว้รักษาพ่อแม่และเก็บเงินไว้ส่งลูกเรียนต่อหรือ ส่งลูกเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก  นี่ไม่ใช่เป็นปัญหา ของการที่เขาถูกหลอกลวง แต่เป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่ที่จะมาพูดเล่นๆกันหรือมาสร้างภาพ ตนมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อสร้างภาพ แต่มาเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยในระยะเวลาอันใกล้  เราไม่มีเวลาแล้ว เรื่องการโยกย้ายต่างๆ ผ่านไปแล้ว เรื่องกระบวนการยุติธรรมเราได้ทำไปแล้ว ตนคิดว่าเป็นเรื่องวาทกรรม  วันนี้ทำให้เกิดเป็นรูปธรรมดีกว่า  อย่าได้สนใจใครจะเป็นใครอะไรยังไง เชื่อว่าไม่มีใครใหญ่กว่าพี่น้องประชาชน ตนต้องการทำงานโดยเร็ว และ ไม่ใช่รายเล็ก ตนต้องการรายใหญ่ เชื่อว่าทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้รู้อยู่แล้ว ในหน่วยงานของท่านใครที่ทำผิดกฎหมายอยู่บ้าง ใครที่พวกท่านสามารถไปตามจับสืบมาได้ ส่วนเรื่องคดีความของทั้ง 2 ท่านที่ถูกย้าย เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเดิมไปตามหน้าที่ เราต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ท่าน ต่อไปเราต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่เช่นนั้นจะตอบสังคมไม่ได้ เพราะเรายังตอบไม่ได้ 

“อยากให้ทุกท่านตระหนักดีว่าประชาชนเดือดร้อน เหตุผลที่เรามาทำงานตรงนี้ เพื่อให้ความดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ให้คนผิดลอยอยู่ได้ และยังทำทุกอย่างผิด ๆ อยู่ คิดว่าถึงเวลาแล้ว อยากได้เหตุผลว่าทำไมถึงจับไม่ได้ ต้องจับให้ได้ เพื่อพี่น้องประชาชนจะได้อยู่อย่างมีความสุข อย่าให้ถูกซ้ำเติมตรงนี้ โดยเฉพาะการถูกหลอกลวง เงินหมดไปก็เป็นส่วนหนึ่งของอาชญากร ตรงนี้ถือเป็นสารตั้งต้น ที่ต้องขจัดปัญหานี้ออกไปให้หมดจากสังคมไทย ผมยืนยันเรื่องนี้เป็นเรื่องซีเรียส ยืนยัน 30 วันต้องชัดเจน” นายกฯ

Message us