“ธรรมนัส”จับมือ”ชาดา ไทยเศรษฐ์” โค่นบ้านใหญ่หนุน”แบเลาะห์”นั่งนายกอบจ.นราธิวาส

” ขอเวลา 4 ปี ถ้าผมเปลี่ยนแปลงนราธิวาสไม่ได้ รอบหน้าไม่ต้องเลือกผม ถ้าเลือกเบอร์ 2 ผมจะทำให้คุณดู” วาทกรรมนี้คิดว่า คงจะจำกันได้ เมื่อต้องอาศัยลูกอ้อน “อับดุลลักษณ์ สะอิ” หรือ “แบเลาะห์” วัย 53 ปี เบอร์ 2 ได้งัดออกมาช่วงหาเสียงหวังเปลี่ยนแปลง จ.นราธิวาสที่โดนแช่แข็งถึง 20 ปี ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาล้ำหน้าบ้านใกล้เรือนเคียง

ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นราธิวาสครั้งนี้ ดุเดือดเลือดซิบตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนจะถึงวันจริงในวันที่ 1 ก.พ.นี้ แต่ก็ยังไม่มีใครยอมใคร 3 พรรคใหญ่ที่หนุนผู้สมัคร ถึงขั้นแกนนำต้องลงมาช่วย “เครือข่าย” หากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ผู้นำทีมพรรคประชาชาติ ลงมาปิดท้ายการปราศรัยงานนี้มีเสียว

ขณะที่ฟาก “ภูมิใจไทย” และ “กล้าธรรม” ผนึกกำลังกันเหนียวแน่น ทั้ง “ชาดา ไทยเศรษฐ์” และ “ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า” ดูทรงแล้วทำคะแนนให้ “แบเลาะห์” ได้เยอะเลย ช่วงนี้ทั้งในโซเชียลและสังคมร้านค้า ร้านน้ำชา เริ่มเสียงแตก แบบผู้ที่สอบตกคง “เหวอ” ไปอีกนาน รู้ทั้งรู้ว่า..คนนราธิวาสต้องการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

มีโอกาสได้เจอ “ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง หลังมาลงพื้นที่หาเสียงแบบได้ใจชาวบ้านสุดๆ เร่งเครื่องทำคะแนนช่วยเบอร์ 2 ก่อนคืนหมาหอน โดยมีบรรดา สส.นราธิวาส และ สส.จากภาคเหนือตามติดมาด้วย สะท้อนปัญหาด้วยคำถามที่ไร้คำตอบ เกิดอะไรขึ้นกับนราธิวาส ? ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนเลยทั้งที่ที่นี่มีทุกอย่างที่อุดมสมบูรณ์ ผลไม้ ยางพารา ทุเรียน อีกเยอะแยะ แต่การจ้างงานไม่เติบโต ธุรกิจการค้าชายแดนสมควรเติบโต แต่ก็ไม่มีอะไร

ร.อ.ธรรมนัส คุยกับชาวบ้านที่มารอฟังการรวมพลังของ สส.ขาใหญ่นราธิวาสครั้งนี้ โดยกุนซือจาก กทม.ปิดสวิทซ์นักการเมืองท้องถิ่นได้ฉมังนัก มุ่งมั่นโค่น “บ้านใหญ่” ที่คนนราธิวาสมองว่า อายุเยอะแล้ว สมควรพักผ่อนอยู่กับลูกหลาน ที่ผ่านมา “แช่แข็ง” จังหวัดและชาวนราธิวาสนานถึง 20 ปี ส่งผลต่อความรู้สึกของ “โต๊ะกู” ไม่น้อย จนต้องปรับทัพใหม่ เตรียมรับมือข้าศึกที่เข้าล้อมแบบ 2 รุม 1

Mimdset ของ “ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า” ไม่ต่างจากคนในพื้นที่ที่รู้สึกมานาน ว่า อบจ.ทำอะไรบ้างที่ผ่านมา เห็นบ่อยคือเดินวิ่ง เพื่อ ????………

ร.อ.ธรรมนัส บอกว่า ตนถือว่านราธิวาสเป็นบ้านต้องให้ความใส่ใจ ก่อนหน้านี้เราพยายามที่จะคุยกันให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ให้แตกแยกกันเองระหว่างพี่น้อง สส.ทั้ง 5 เขต เราอยากพัฒนาบ้านเรา แต่ติดตรงกฎหมายไม่ให้ สส.ไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณ เมื่อไม่มีงบประมาณจึงยาก อบจ.ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ทางการเมืองเป็นองค์กรในการขับเคลื่อนพัฒนา ผลักดันงบประมาณมาสร้างบ้านแปลงเมือง สร้างพื้นฐานการพัฒนาคุณภาพชีวิตพี่น้อง

“ผมโตที่นี่ พ่อแม่ผมอยู่ตากใบ ผมก็อยากพัฒนาบ้านเกิดผมที่ทรายขาวเหมือนกัน แต่ยิ่งอยู่ยิ่งถอยหลัง เราคุยกันว่าจะเอาใครลงดี นายกเก่าท่านเป็นคนดี แต่ด้วยวัย เป็นเรื่องสำคัญ สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก คนเราถ้าอายุเยอะแล้ว ถึงแม้ท่านจะผ่านประสบการณ์มากมาย แต่การบริหารบ้านเมืองต้องใช้สมอง ใช้คอนเนคชั่น ตอนแรกว่าจะเอานายกไพซอลลง จะเอาเมธี ลาบานูนลง ท้ายสุดแล้วถ้าต่างคนต่างลง มันจะเกิดความแตกแยกในหมู่นักการเมืองท้องถิ่น คุยกับไพซอล ทางไพซอลยอมถอย หัวใจนายแน่มาก แล้วให้เลาะห์ลง ถามว่าเลาะห์เป็นนักการเมืองมืออา ในการเป็นนายกท้องถิ่น ผมว่าเราเอาคนที่เป็นผ้าขาวบริสุทธิ์มาเป็นผู้นำ แล้วเราร่วมกันสร้างคอนเนคชั่น สร้างเครือข่ายในการผลักดันงบประมาณ เลาะห์ไม่สามารถบริหารงานได้คนเดียว ต้องมีทีมงาน ในทีมงานนั้นผมและ สส.อีก 3 ท่านจะได้จัดเข้ามา ช่วยพัฒนาเมืองนราธิวาส มีพี่ใหญ่คือ อบจ.ผมเชื่อว่าเราเลือกผ้าขาวมาเป็นผู้นำดีกว่า ถึงแม้เขาจะไม่เคยเล่นการเมือง แต่ผมเชื่อว่าเจาจะทำได้ดี ผมเชื่อมั่นอย่างนี้”

“ยุทธศาสตร์มันต้องทำ ผมจึงจำเป็นต้องลงมาพื้นที่ด้วยตัวเอง สองสามวันที่อยู่นราธิวาส หลายๆ คนที่เป็นแกนนำในหมู่บ้าน เขารู้สึกว่าเขามีผม มีสส. มีเครือข่ายคือท่านชาดา ไทยเศรษฐ์ เขามีความมั่นใจว่า แบเลาะห์จะเป็นผู้นำของเจาได้ ตอนนี้ผมมั่นใจว่ากระแสจะตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ ณ วันนี้ ผมเชื่อว่า แบเลาะห์จะชนะการเลือกตั้ง เพราะชาวบ้านไม่อยากอยู่แบบเดิมๆ”ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

ข่าว/ภาพ : แวดาโอ๊ะ หะไร ผู้สื่อข่าวจังหวัดนราธิวาส

Message us