ทลายเหมืองขุดบิตคอยน์ลักลอบใช้ไฟหลวงเดือนเดียวสูญกว่า 2 แสน

เมื่อวันที่ 20 เมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) นำหมายศาลสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์เลขที่ 754/4 ซอยมังกรนาคดี ต.แพรกษา อ.เมือง สมุทรปราการ พร้อมกับตรวจยึดของกลางเครื่องขุดเงินดิจิทัล (บิตคอยน์) จำนวน 50 เครื่อง , คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและและอุปกรณ์อื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง เขตสมุทรปราการ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.เสถียร ชูศรีวาสน์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ หลังพบว่า มีการลักลอบใช้ไฟหลวง โดยการต่อคร่อมสายไฟทั้งสามเฟสโดยไม่ผ่านเครื่องวัดของการไฟฟ้านครหลวง จากนั้นจึงได้ประสานฝ่ายสืบสวน พร้อมกับขอหมายเข้าไปตรวจค้นภายในอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าว

เมื่อไปถึงพบว่าเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น และประตูถูกปิดไม่มีคนอยู่ก่อนเจ้าหน้าที่จะตัดกุญแจและเข้าไปตรวจค้น พบว่าบริเวณชั้น 1 มีอะไหล่เครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะจำนวนมาก และบริเวณใกล้กับ มิเตอร์ พบว่ามีการลักลอบต่อคล่อมสายไฟ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตัดสะพานไฟเพื่อป้องกันอันตราย ก่อนที่จะขึ้นไปตรวจบนชั้น 2 พบว่า ผนังบริเวณห้องนอนถูกปิดทับด้วยฟองน้ำซับเสียงหมดทุกด้าน ในห้องยังพบเครื่องขุดเงินดิจิตอล (บิตคอยน์) วางอยู่บนชั้นวาง อีกจำนวนมาก

ต่อมา เจ้าหน้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจค้นบนชั้น 3 พบว่า ห้องนอนถูกทำในลักษณะเดียวกัน และยังพบเครื่องเครื่องขุดเงินดิจิตอล และอุปกรณ์ต่างๆ อีกหลายรายการ ก่อนเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าจะทำการปิดสวิสต์ และและรื้อแผงวงจรรวมทั้ง เครื่องขุดเงินดิจิตอล ลงมาด้านล่างเบื้องต้นพบว่ามีทั้งหมดกว่า 50 เครื่อง ก่อนจะทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

นายเกรียงกมล กัลปดี ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองบริหารผู้ใช้ไฟฟ้า กฟน.เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 2-3 เดือนที่แล้วได้ตรวจสอบว่ามีการลักลอบใช้ไฟที่บริเวณนี้ โดยการต่อตรงเข้าตัวอาคารไม่ผ่านมิเตอร์ จึงนำเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบแต่ทางผู้ลักลอบไหวตัวทันได้มีการรื้อถอนออกไปก่อนแล้ว ทางการไฟฟ้าจึงสงสัยจุดนี้และเฝ้าสังเกตมาตลอด จึงเข้ามาตรวจซ้ำก็พบว่ามีกระแสไฟฟ้าผ่านมิเตอร์จำนวนมากแต่จานหมุนหมุนช้าผิดปกติ ทั้งที่อาคารปิดล็อคไม่มีผู้พักอาศัย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจกระแสไฟฟ้าพบว่าได้ 50 กิโลวัตถ์ ซึ่งเป็นกระแสต่อเนื่องที่นิ่งมาก เดือนหนึ่งค่าไฟต ประมาณ 30,600 หน่วย คิดเป็นเงิน 200,000 กว่าบาท แต่จากการตรวจสอบย้อนหลังพบจ่ายค่าไฟจริงไป 600 กว่าหน่วย ตกอยู่ประมาณ 3-4 พันบาท ระยะเวลาที่คาดว่าจะถูกลอบใช้ไฟฟ้านั้นมากกว่า 2 เดือน ส่วนค่าเสียหายทั้งหมดที่คาดว่าจะถูกลักลอบใช้ไฟนั้น ต้องไปดูสัญญาเช่าว่าผู้เช่ารายนี้มาเช่าอาคารแห่งนี้นานเท่าไหร่แล้ว แต่คาดว่าเบื้องต้นน่าจะหลักล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ทางการไฟฟ้านครหลวงเขตสมุทรปราการ ตรวจเจอในพื้นที่พบมีการลักลอบใช้ไฟหลวงเพื่อขุด เงินดิจิตอล ดำเนินคดีไปแล้ว 3 ราย และตรวจเจอแต่ไม่สามารถเข้าตรวจค้นเจอ เพราะมีการรื้อถอนออกไปก่อนอีก 6 ราย ทั้งนี้ฝากถึงผู้ที่ลักลอบใช้ไฟหลวงว่า อย่าทำเลย ถ้าเกิดจำเป็นต้องใช้ไฟก็ขอให้จ่ายตามจริง เพราะว่าการลักลอบใช้ไฟฟ้าแบบนี้ส่งผลเสียหายระดับประเทศ

ข่าว/ภาพ : นายสุทธิวิทย์ ชยุตม์วรกานต์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการ

Message us