
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 30 ก.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โทรมาหาตนถามว่าจะถอยในเรื่องนี้ดีหรือไม่ ตนจึงบอกไปว่า จะถอยได้อย่างไร เพราะยังมีตำรวจอีก 8 นายที่ถูกกลั่นแกล้งและถูกดำเนินคดีอยู่ จะยอมแพ้ไม่ได้ ซึ่งทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ได้บอกว่า มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่สั่งการลงมาว่าขอให้หยุด แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร
ทั้งนี้ ตนก็ยืนยันว่าจะขอทำคดีนี้ต่อไป จะมาพักรบระหว่างศึกสงครามไม่ได้ ฝุ่นยังตลบอบอวล ความเป็นความตายเท่ากัน ด้วยความอึดอัดตอนจึงโพสต์เรื่องยิงธนูลงทางโซเชียลตามที่ปรากฏในข่าว หลังจากที่ตนโพสต์ไป ได้มีบุคคลปริศนาที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับวงการตำรวจ โทรมาหาตน เตือนว่า ขอให้ระวังตัวไว้ ซึ่งตนก็ไม่ได้พูดจาตอบโต้อะไรไป แต่เลือกที่จะโพสต์อีกหนึ่งโพสต์ตอบโต้แทน โดยโพสต์นั้นมีใจความประมาณว่า “งานใคร งานมัน” ส่วนพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตนได้มีโอกาสพูดคุยกันครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังสบายดี ไม่ได้มีข้อกังวงอะไร และตนก็ได้กำชับแบบเดิมว่า อย่าพูดอะไรที่กระทบต่อรูปคดี
นายอนันต์ชัย กล่าวเรื่องบิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่จะเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคมว่า ยืนยันว่า มีอยู่จริง ทำเอกสารอยู่เสร็จหมดแล้ว และมั่นใจว่า หลักฐานชิ้นนี้ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า “เด็ดดอกไม้ดอกเดียว สะเทือนถึงดวงดาว” เพราะเรื่องนี้จะกระทบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง อย่างไรก็ตามบิ๊กเซอร์ไพรส์ที่ว่านั้น หากตนถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถอดถอนจากตำแหน่งทนายความที่รับผิดชอบคดี ก็จะไม่มีการเปิดเผยบิ๊กเซอร์ไพรส์ต่อสาธารณชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่หรือไม่นั้น ทนายอนันต์ชัย กล่าวเพียงว่าให้รอดู