ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ ถึงแนวคิดดันไทยเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารโลก หลังจากการประชุมเอเปคที่ผ่านมา อาหารไทยหลายเมนูได้รับความสนใจจากผู้นำนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ปลากุเลาเค็มจากตากใบ โคขุนโพนยางคำสกลนคร ไก่ย่างเบตง เนื้อวากิวโคราช ฯลฯ ซึ่งดอกเกลือเมืองเพชร จาก จ.เพชรบุรี ก็เป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญ ที่ประเทศไทยเลือกใช้ในการปรุงอาหารเสิร์ฟบรรดาผู้นำจากทั่วโลกที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย
ดร.ยุทธพล กล่าวว่า ซอฟท์พาวเวอร์เรื่องอาหาร จากการประชุมเอเปค ถือเป็นกระแสที่ดี ที่ภาครัฐและเอกชนไทย ควรจะรีบคว้าโอกาสในการทำตลาดอาหารทั้งในและนอกประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น ทั้งนี้จากสถานการณ์โลก ที่เพิ่งฟื้นตัวจาก โควิด ภาวะสงคราม ไปจนถึง ภาวะโลกรวนที่เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ทำให้หลายภูมิภาคของโลก กำลังเผชิญภาวะขาดแคลนอาหาร ถือเป็นโอกาสที่ดีของไทย ในการสร้างจุดขายเรื่องอาหาร สร้างศักยภาพให้เป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารของโลก ซึ่งเราสามารถทำได้ ไม่ไกลเกินฝัน เพราะถึงแม้ไทยจะเป็นประเทศเล็กๆที่มีสัดส่วนพื้นที่แค่ 1% ของโลก แต่เรากลับมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงถึง 10% ทำให้ไทยมีจุดแข็งในการเป็นแหล่งเพาะปลูกอาหาร
สำหรับ ดอกเกลือ จากเพชรบุรี นั้นจะต่างจากเกลือทั่วไป ที่จำหน่ายในท้องตลาด โดยดอกเกลือจะเป็นเกลือชุดแรกที่ลอยตัวขึ้นมาเกาะตัวเป็นแพบนผิวน้ำ คนทำนาเกลือจะช้อนเอาดอกเกลือเหล่านี้ขึ้นมาเก็บไว้ก่อนที่จะจมลงไป ดอกเกลือจึงมีความบริสุทธิ์กว่าเกลือทั่วไป รสชาติไม่เค็มจัด และมีรสอมหวานนิดๆ ซ่อนอยู่ เป็นรสชาติเค็มที่มีความกลมกล่อม จัดอยู่ในหมวดหมู่สินค้าพรีเมียม เป็นราชาของเกลือทะเล
นายยุทธพล กล่าวว่า ในเพชรบุรี มีพื้นที่นาเกลือมากกว่า 20,000 ไร่ มีเกษตรกรชาวนาเกลือ กว่า 700 ครัวเรือน โดยเฉพาะใน อ.บ้านแหลม ยังคงสืบทอดอาชีพจากรุ่นสู่รุ่นมาถึงปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงวิกฤตโควิดชาวนาเกลือได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาตกต่ำ เนื่องจากกำลังการรับซื้อจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ หยุดชะงักและหดตัวลงอย่างมาก ดังนั้นการแสวงหาตลาดใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำเสนอคุณภาพพรีเมียม ของ”ดอกเกลือเมืองเพชร” เพื่อให้เป็นสินค้าที่ขายได้ราคาสูง มากกว่าที่จะขายให้ได้ปริมาณมาก จึงเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้ชาวนาเกลือ ซึ่งแนวคิดทั้งหมดนี้จะถูกขับเคลื่อนผลักดันเชิงนโยบายผ่านคณะทำงานพรรคชาติไทยพัฒนาต่อไป
“ผมเป็นลูกหลานชาวนาเกลือคนหนึ่ง ครอบครัวของผมตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ เป็นคนทำนาเกลือมาตลอดชีวิต และคลุกคลีกับเกษตรกรชาวนาเกลือ ได้ผลักดันให้เกิดการรวมกลุ่มของชาวนาเกลือเพชรบุรี และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อสร้างอำนาจให้เกษตรกรในการต่อรองราคา และได้สนับสนุนช่วยเหลือกันมาตลอด ตั้งแต่สมัยที่คุณพ่อเป็นส.ส. และรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันน้องชายของผมได้สานต่องานทางด้านนาเกลือต่อจากคุณพ่อ ซึ่งครอบครัวให้ความสำคัญ ถือเป็นกลุ่มอาชีพที่จะทอดทิ้งไม่ได้ เพราะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งอาชีพนาเกลือนั้นมีต้นทุนค่าแรงสูง ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก หากราคาเกลือตกต่ำ ผู้ประกอบการอยู่ไม่รอด ก็จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน เดือดร้อนไปถึงภาคแรงงานในที่สุด”ดร.ยุทธพลกล่าว
