เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่อาคารรัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมร่วมกับกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้เสนอญัตติให้มีการพิจารณาเรื่อง ดิจิทัลในที่ประชุมว่า 3 หน่วยงานที่มาชี้แจง มี 2 หน่วยงานที่มีความชัดเจน หน่วยงานแรกคือผู้แทนของ สนง. ปปช.ได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นเตรียมการลงนามในคำสั่งตั้งคณะกรรมการติดตามโครงการแจกเงินดิจิทับ 1 หมื่นบาทของรัฐบาล ตาม ม.32 ของ พ.ร.บ.ปปช. โดยจะเชิญผู้ที่มีความรู้เข้ามาร่วมเป็นกรรมการติดตามด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนผู้แทนของธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ให้ข้อมูลชัดเจนว่า จากการคาดการณ์ เศรษฐกิจประเทศ ของธนาคารแห่งประเทศไทย เศรษฐกิจในปีนี้จะโตประมาณ 2.8 % และในปีหน้าคือ ปี 2567 จะโตประมาณ 4.4 % อยู่แล้ว แม้ไม่มีการแจกเงิน 560,000 ล้านบาท และหากมีการแจกเงินก็จะมีผลในการกระตุ้นการบริโภคระยะสั้นและจะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่มาก
สำหรับ ผู้แทนกระทรวงการคลังยังไม่สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนต่อคำถาม 2 ข้อที่ตนถามได้คือ 1.จะทำอย่างไรและ 2. จะเอาเงินมาจากไหน โดยตอบแต่เพียงว่า จะทำให้ถูกกฎหมายและจะไม่ใช้เงินที่ผิดวินัยการเงินการคลังเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าหน่วยราชการส่วนใหญ่ที่มาให้ความเห็นกับกระทรวงการคลังนั้น ส่วนใหญ่อยากให้ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้วเป็นเครื่องมือในการจ่ายเงิน
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า จนถึงขณะนี้รัฐบาลก็ยังไม่มีความชัดเจนทั้ง 2 เรื่อง สอดคล้องกับที่นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้ออกมาแถลงเลื่อนโครงการออกไปอีกในช่วงเย็นตนจะติดตามเรื่องนี้ผ่านคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจของสภาฯต่อไป เพื่อให้โครงการนี้เกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดความเสียหายต่อประเทศให้น้อยที่สุดถ้ามี
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ตนก็ได้มอบหมายให้ ดร.พิสิษฐ์ ลี้อาธรรม อดีต รมช.คลังและประธานนโยบายพรรค ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและแถลงให้ความเห็นเป็นระยะ แต่จะไม่ไปขัดขวาง เพราะถือเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลในการที่จะมีนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่ง
