จี้ลากคอคนลอบขนกากแร่แคดเมียมสารก่อมะเร็งมาเก็บที่มหาชัย

เมื่อวันที่ 4 เมษายน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า เห็นด้วยกับนายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครที่ประกาศให้พื้นที่เก็บกากแร่แคดเมียมกว่า 10,000ตันในตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาครเป็นเขตภัยพิบัติเพื่อเข้าไปควบคุมพื้นที่ แต่สิ่งที่กมธ.เป็นห่วงคือ สารปนเปื้อนที่กระจายออกมาเนื่องจากการสืบสวนพบว่า กากแร่แคดเมียมที่มีสารก่อมะเร็งมีการนำมาเก็บไว้นอกตัวอาคารเป็นจำนวนมากเป็น 1,000 ตัน กองไว้นอกอาคารเป็นระยะเวลาหลายเดือนแล้ว

นายอัครเดช กล่าวว่า  ทางจังหวัดสมุทรสาครต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้นโดยเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบหาสารปนเปื้อนทั้งในโรงงานเก็บกากแร่ ในอากาศ และแหล่งน้ำธรรมชาติ เพราะเป็นไปได้สูงมากที่สารปนเปื้อนจะรั่วไหลออกมาสู่ภายนอก เพราะกองเก็บแบบผิดหลักเกณฑ์มาเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว ดังนั้นต้องตรวจสอบทั้งคนงาน และประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณโดยรอบด้วยเพื่อหาสารตกค้างต่างๆ เพราะกากแร่แคดเมียมเป็นสารพิษที่มีอันตรายรุนแรงมาก และเป็นสารก่อมะเร็งด้วย

ทั้งนี้ ตามหลักวิชาการ กมธ.ได้ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ด้านนี้ว่ากากแร่แคดเมียมต้องฝังไว้ใต้ดินในความลึกที่มีการปกปิดให้มิดชิดตามมาตรฐานกำหนด และผลการศึกษา EIA กำหนดไว้ว่าห้ามนำขึ้นมาอย่างเด็ดขาดแม้จะผ่านกระบวนการทำลายฤทธิ์มาแล้วก็ตาม ก็ยังถือว่าเป็นอันตรายร้ายแรงอยู่

“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปตรวจสอบเอาความจริงมาบอกประชาชนว่า กากแร่ชนิดนี้มีสารเคมีที่เป็นพิษอันตรายร้ายแรงทำให้เกิดโรคมะเร็งหรือส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาวได้ เพื่อให้เกิดความตระหนักให้ความรู้ ให้เกิดความระมัดระวัง แต่ไม่ใช่สร้างความตื่นตระหนก โดยพยายามชี้แจงคลุมเครือไม่ชัดเจน ผมเห็นด้วยที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ แต่ต้องทำงานเชิงรุกบอกความจริงกับประชาชน และระหว่างที่มีการขนย้ายต้องรอบคอบรัดกุม จะต้องบอกประชาชนให้หลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าไปในบริเวณพื้นที่ที่อาจได้รับสารพิษดังกล่าว”นายอัครเดชกล่าว

ประธานกมธ.อุตสาหกรรม กล่าวย้ำว่า กระทรวงอุตสาหกรรมต้องตั้งคณะกรรมการมาสอบสวนข้อเท็จจริงว่า ใครเกี่ยวข้องกับกระบวนการนำกากแร่แคดเมียมจากจังหวัดตากมาไว้ที่จังหวัดสมุทรสาคร จะต้องสอบสวนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง ต้องสอบสวนอย่างรวดเร็ว หามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก และเอาคนทำความผิดมาลงโทษให้ได้ เพื่อไม่ให้มีการนำกากแร่อันตรายลักษณะนี้มาเก็บไว้ในพื้นที่ที่เป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชนอีก

Message us