เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เดินทางกลับประเทศไทยในรอบ 15 ปี หลังลี้ภัยอยู่ในประเทศกัมพูชานับตั้งแต่การชุมนุมของคนเสื้อแดง
ทั้งนี้ ทันทีที่นายจักรภพถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถูกตำรวจควบคุมตัวมาที่กองบังคับการปราบปราม เนื่องจากยังมีหมายจับในข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด และเป็นอั้งยี่ ตำรวจจึงไปรอควบคุมตัวเพื่อพามาสอบปากคำ หลังจากลี้ภัยทางการเมืองมา 15 ปี
เมื่อมาถึงกองบังคับการปราบปรามตำรวจได้พานายจักรภพหลบสื่อมวลชน ขับรถรถตู้ไปจอดที่บริเวณด้านหลัง ระหว่างอาคารกองบังคับการปราบปราม และอาคารจอดรถ ก่อนพาขึ้นลิฟท์อาคารจอดรถขึ้นไปชั้น 2 มีทางเชื่อมเข้าสู่อาคารกองบังคับการปราบปราม
นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความ เปิดเผยว่า นายจักรภพเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายจับ 2 หมาย ซึ่งนายจักรภพให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมเตรียมหลักทรัพย์ 2-3 แสนบาทต่อคดี มาเพื่อเตรียมยื่นประกันในชั้นสอบสวนและได้รับการประกันในคดีอาวุธปืนและอั้งยี่วงเงินคดีละ 200,000 บาท
จากนั้นออกจากห้องควบคุมมาแล้วก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับมีการพูดคุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผ่านทางโทรศัพท์ ส่วนใหญ่เน้นถามเรื่องปัญหาสุขภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ นายทักษิณบอกว่า หลายอย่างเปลี่ยนไป ยอมรับ ระหกระเหินไปหลายประเทศ ไม่ต่ำกว่า 5 ประเทศ พยายามทำตัวไม่ให้มีปัญหากับประเทศที่ตนเองไปขอลี้ภัย
นายจักรภพ ยังกล่าวอีกว่า ไม่ปฏิเสธหากได้รับเขิญให้ไปทำงานร่วมกับรัฐบาล แต่ขอไปแบบสร้างสรรค์ ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ถ้าเวลายังไม่เหมาะขออยู่เบื้องหลังไปก่อน พร้อมกลับมาทำงานประชาสัมพันธ์ด้านสื่อสารมวลชนอีกรอบ และยืนยันจะเป็นแกนนำพาคนเสื้อแดงที่ลี้ภัยกลับสู่มาตุภูมิทุกคน รวมไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย
อย่างไรก็ตาม การเดินทางที่ที่กองปราบครั้งนี้ มีมวลชนคนเสื้อแดงมาร่วมต้อนรับและให้กำลังใจนายจักรภพจำนวนหนึ่ง
