ครม.ต่ออายุลดภาษีศุลกากรรถยนต์ไฟฟ้าอีก 1 ปีอีโคคาร์อีก 2 ปี

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นางรัดเกล้า อินทวงค์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ จำนวน 2 ร่าง ดังนี้ 

1.เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่นำเข้ามาทั้งคัน (ฉบับที่ ..) โดยขยายระยะเวลาการลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูป เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่นำเข้าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ลงไม่เกินร้อยละ 40 

ทั้งนี้ ผู้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวต้องแสดงหนังสือรับรองการแสดงการได้รับสิทธิจากกรมสรรพสามิต กรณีที่ผู้นำเข้าไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตกำหนด และกรมสรรพสามิตได้แจ้งยกเลิกหรือเพิกถอนการได้รับสิทธิสำหรับของนั้นกับกรมศุลกากรแล้ว ให้ถือว่าของนั้นไม่ได้รับสิทธิลดอัตราอากร หรือยกเว้นอากรตามประกาศฉบับนี้ ตั้งแต่วันนำของเข้า 

โดยผู้นำของเข้ามีหน้าที่ต้องแจ้งขอชำระและต้องชำระค่าภาษีอากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ถูกเพิกถอนสิทธิ แต่ไม่ถูกตัดสิทธิพิเศษทางอากรศุลกากรในการลดอัตราอากรหรือยกเว้นอากรตามความตกลงการค้าเสรีที่ได้ยานไว้ในขณะนำของเข้า

2.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … (สินค้ารถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน แบบประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ 1) โดยขยายระยะเวลาการใช้บังคับอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้ารถยนต์หรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน (ประเภทที่ 06.01 และ 06.02 แบบประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ 1 (ECO Car phase 1) ในอัตราร้อยละ 14 ออกไปอีก 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

“ทั้ง 2 วาระที่ ก.การคลังนำเสนอในวันนี้ สืบเนื่องมาจาก ครม.ได้มีมติอนุมัติมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ในช่วงเวลา 4 ปี (พ.ศ. 2567 – 2570) ในการประชุมครั้งก่อนหน้า (19 ธันวาคม 2566) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความคืบหน้าของการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และผลักดันไทยก้าวสู่การเป็นฐานผลิตชั้นนำของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค”รองโฆษกประจำสำนันายกฯกล่าว

Message us