เมื่อวันที่ 29 กันยายน บรรยากาศการกดเงิน 10,000 บาท จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงินกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มเปราะบางของรัฐบาล หลายพื้นที่ของ จ.นครราชสีมา ยังคงมีความคึกคักต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่บริเวณหน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.สาขาพิมาย มีประชาชนจำนวนมาก เดินทางมาต่อคิวเพื่อกดเงิน 10,000 บาทจากตู้ ATM กันอย่างเนืองแน่น จนเกิดภาพการจราจรติดขัดยาวเหยียด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย ต้องจัดกำลังตำรวจจราจร มาคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่จะกดเงินสดออกมาทั้งหมด 10,000 บาทเลย เพื่อนำไปซื้อของใช้อุปโภคบริโภคประจำวัน เช่น นางบุญเริ่ม เชาร์โคกสูง อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ที่ 12 บ้านโพธิ์งาม ต.นิคม อ.พิมายบอกว่า ตนเองรู้สึกดีใจมากที่รัฐบาลแจกเงินให้ 10,000 บาทในครั้งนี้ วันนี้กดเงินออกมาทั้งหมด ตั้งใจว่าจะนำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และใช้จ่ายซื้อของใช้ที่จำเป็นในครอบครัว ขอขอบคุณรัฐบาลที่ช่วยทำให้ชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจที่บริเวณรอบคูเมือง ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ยังคงพบเห็นกลุ่มคนเร่ร่อน และคนไร้ที่พักพิง มานอนอยู่ใต้ต้นไม้ ข้างคูเมืองเป็นจำนวนมาก ซึ่งนับวันจะมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นางฉัตราพร เทพไทอำนวย ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า กลุ่มคนไร้ที่พึ่งที่มาขอรับการช่วยเหลือจากศูนย์ฯ ในปีนี้ จะมีอยู่ประมาณ 150 กว่าราย จะมีทั้งคนจรจัด คนชรา คนพิการ และคนต่างด้าว ส่วนใหญ่จะเข้ามาขอให้ช่วยส่งกลับภูมิลำเนา และขอเข้ารับการสงเคราะห์ในสถานสงเคราะห์ต่างๆ เช่น บ้านเมตตา บ้านพักคนชรา หรือบ้านพักผู้พิการ จะมีบางรายที่พิสูจน์สัญชาติไม่ได้ เพราะสื่อสารไม่ได้ และไม่มีบัตรประจำตัวใดๆ มาแสดง ทางศูนย์ฯ ก็จะให้การช่วยเหลืออย่างเหมาะสมแล้วแต่กรณีไป รวมไปถึงเรื่องการได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากทางภาครัฐด้วย
สำหรับการตรวจสอบล่าสุด จะมีคนไร้ที่พึ่งเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์รับเงิน 10,000 บาทจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เนื่องจากส่วนใหญ่จะขอเข้ารับการสงเคราะห์ในสถานสงเคราะห์ฯ จะทำให้ถูกตัดสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีคนไร้ที่พึ่งที่ขอให้ส่งตัวกลับภูมิลำเนา แต่จะไปลงทะเบียนขอรับ 10,000 บาทหลังจากนั้นหรือไม่ ทางศูนย์ฯ ไม่สามารถติดตามได้ และยังมีคนไร้ที่พึ่งที่ส่งต่อไปทำงานที่วัดสวนแก้ว หรือในสถานประกอบการ ก็ต้องดูคุณสมบัติอีกทีว่าจะมีสิทธิ์ได้รับ 10,000 บาทหรือไม่ ในขณะที่คนต่างด้าวก็ไม่ได้รับสิทธิ์ช่วยเหลือ 10,000 บาทอยู่แล้ว
ข่าว/ภาพ : ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครราชสีมา
