เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่วัดโพธาราม (วัดเหนือ) หมู่ที่ 3 ต.พุมเรียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี นายชวลิต โรจนรัตน์ นายอำเภอไชยา พร้อมด้วย นายกิตติ ชินเจริญธรรม หัวหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไชยา สังกัดสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช กรมศิลปากร และเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบพานวัตถุโบราณ เนื่องจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านหลังมีการนำรถแบ็คโฮเข้าปรับพื้นที่บริเวณวัดได้ขุดพบพานลักษณะเป็นเนื้อโลหะสีทอง ลายกลีบบัวซ้อนชั้น ขนาดหน้าพานกว้าง 8.4 เซ็นติเมตร สูง 5.2 เซ็นติเมตรฐานสูง 1.7 เซ็นติเมตร ฐานล่างกว้าง 5.3 เซ็นติเมตร เบื้องต้นเชื่อว่า เป็นวัตถุโบราณ จึงนำส่งมอบให้พระครูอธิการสุภาส ถิระจิตโต เจ้าอาวาสวัดโพธาราม เป็นผู้เก็บรักษา
นายวรัญญู ชูศรี กรรมการวัด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ได้มีการนำรถแบ็คโฮเข้ามาปรับพื้นที่หน้าดิน เพื่อจะก่อสร้างศาลามณฑปพระพุทธรูปสองพี่น้อง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำหมู่บ้านคู่เมืองของชาวพุมเรียง ขณะรถขุดปรับพื้นที่ลึกประมาณ 1.5 เมตรได้ตักพบเศษวัตถุต่างๆ จำพวกแก้ว และถ้วยที่แตกหักขึ้นมาจำนวนหนึ่ง กรรมการวัดจึงช่วยกันนำมาทำความสะอาด กระทั่งต่อมาได้พบว่ามีพานโลหะสีทองใบดังกล่าวด้วย เมื่อนำไปให้ร้านทองในตลาดไชยาตรวจสอบพบว่าเป็นทองคำ น้ำหนัก 52.89 กรัม จึงมอบให้เจ้าอาวาสเก็บรักษาและแจ้งให้ทางอำเภอทราบ เพราะเชื่อว่าเป็นวัตถุโบราณ
ด้านนายกิตติ ชินเจริญธรรม หัวหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอำเภอไชยา กล่าวว่า ลักษณะวัตถุโบราณดังกล่าวเป็นประติมากรรมในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น อายุประมาณ 200 ปี ทำจากทองคำโบราณ ซึ่งบริเวณดังกล่าวในแถบ ต.พุมเรียง มักจะมีการขุดพบวัตถุโบราณ จำพวกเครื่องถ้วยชามสังคโลก ลูกปัด พระพุทธรูป และอื่นๆอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากในอดีตเคยเป็นพื้นที่หัวเมืองเก่าของภาคใต้ที่บ่งชี้ถึงความเป็นเมืองที่มีอารยธรรมและความรุ่งเรืองมาก่อน
“ โดยในพื้นที่อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี มีสิ่งปลูกสร้างที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุจำนวนมาก โดยในช่วงที่ผ่านมา มักจะมีนักล่าสมบัติและวัตถุโบราณต่างเข้ามาขุดค้นหา และได้นำสิ่งของมีค่าและวัตถุโบราณเหล่านั้นออกจากพื้นที่ จึงขอให้ชาวบ้านช่วยกันดูแลรักษาทรัพย์สมบัติครั้งก่อนประวัติศาสตร์ เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาต่อไป “ นายกิตติ กล่าว
