
เมื่อวันที่ 3 พ.ย. เวลาม 18.00 น. นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายของมาดามอ้อย ได้เดินลงมาจากอาคารกองบังคับการปราบปราม มาให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้เป็นการมาให้ข้อมูลรอบที่ 3เป็นการเก็บตกและให้ข้อมูลอย่างละเอียดเพิ่มเติม เพราะอยากจะให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดการสอบปากคำได้ เพราะอยู่ในสำนวนคดีส่วนประเด็นที่พนักงานสอบสวนสอบปากคำนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นคำถามในรายละเอียดของคดีที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ในทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน 71 ล้านบาท หรือจำนวนเงิน 39 ล้าน
สำหรับ การที่ตำรวจจะไปตรวจค้นบ้านของผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็เป็นไปตามที่ปรากฎในสื่อ แต่มาดามอ้อยก็รู้จักกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเงินจำนวน 39 ล้านบาทเช่นกัน โดยส่วนตัวกับคนชื่อ ส.เสือ ก็เคยรู้จักกันก่อนที่จะเกิดเหตุ เพราะเคยไปที่ปากช่องและไปกับทนายดังคนดังกล่าว โดยรูปการณ์แล้ว มาดามอ้อยรู้จักกับคนชื่อ ส.เสือ จากทนายคนนี้ แต่ความสัมพันธ์เชิงลึกระหว่างทนายคนดังกับ ส.เสือนั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่ทราบ ส่วนที่มีกระแสข่าวบอกว่ าทางตำรวจพามาดามอ้อยไปดูสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเงิน 39 ล้านบาทอันนี้ไม่เป็นจริง ไม่มีการไปแต่อย่างใด
เมื่อถามถึงภาพรวมการสอบปากคำ นายสมชาติ กล่าวว่า ถ้าเปรียบเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ก็เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ที่สอบไปสำหรับวันนี้ เมื่อเทียบกับการสอบปากคำ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ที่มากถึง 60-70% ซึ่งสันนิษฐานว่า ภายในสัปดาห์หน้า การสอบปากคำมาดามอ้อยจะเสร็จสิ้นลง ส่วนพยานปากอื่น ๆ อีกประมาณ 2 คน คือ คุณน้อย เลขาส่วนตัวของมาดามอ้อยและคุณเหมี่ยวตนไม่แน่ใจว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด
นายสมชาติ กล่าวว่า เมื่อเช้าตนมารถคนละคันกับมาดามอ้อย แล้วมาคนละรอบ ตนไม่ทราบว่ามาดามอ้อยเข้าทางไหนของอาคาร ซึ่งการสอบปากคำวันนี้ มาดามอ้อยประสงค์จะลงมาพบปะกับสื่อมวลชน แต่ด้วยความที่สอบปากคำมาราธอนอย่างละเอียดนานเกือบ 10 ชั่วโมงตลอดทั้งวัน ทำให้มาดามอ้อยมีอาการเพลีย ต้องเดินทางไปกลับระหว่างกรุงเทพฯกับปากช่อง จ.นครราชสีมา ในทุก ๆ วัน ไม่ได้ค้างคืนที่กรุงเทพฯ ก็เลยมอบหมายให้ทนายความลงมาให้ข้อมูลสั้น ๆ แก่สื่อมวลชนแทน แต่อย่างไรก็ตามมาดามอ้อยยืนยันว่า ไม่มีความกังวลในเรื่องคดีและจนถึงวันนี้ก็ยังมีการติดต่อจากทนายคู่กรณีแต่อย่างใด จนถึงตอนนี้การสอบปากคำก็ยังไม่แล้วเสร็จ