กมธ.ความมั่นคงฯเร่งช่วยคนไทยถูกจับในเล้าก์ก่ายเมียนมา

เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ(กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมในวาระพิจารณาเรื่องการช่วยเหลือคนไทยที่เมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา โดยมี อธิบดีกรมการกงสุล เป็นตัวแทนรมว.ต่างประเทศ , รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็นตัวแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้ากรมยุทธการทหารบก ตัวแทนผู้บัญชาการกองทัพบก

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกมธ.ฯ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุม ว่า การประชุมคงมีหลากหลายประเด็นที่จะสอบถามตัวแทนหน่วยงานที่เชิญมา ว่าทิศทาง จะทำอย่างไรที่จะช่วยเหลือคนไทยให้ออกมาอย่างเร็วที่สุด ซึ่งตนก็ติดตามและทราบดีว่าจะมี 41 คนที่มาถึงเมืองไทย แต่เข้าใจว่าเมืองที่จัดมาอาจจะไม่ใช่เล้าก์ก่าย เบื้องต้นสำหรับการช่วยเหลือคนไทย ก็ยังกังวลว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร ต้องยอมรับว่าการเดินทางมีความยากลำบาก หากจะเดินทางมาเมืองไทยโดยตรง สถานการณ์ในเมียนมาก็มีความละเอียดอ่อนค่อนข้างสูง

“ถ้าเราจะใช้ความสัมพันธ์หรืออะไรต่างๆ ที่เป็นไปได้ในการเจรจากันในการช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างอยู่ ก็คงมีความจำเป็นที่อาจจะขอผ่านทางนี้ได้หรือไม่ แต่ก็ต้องผ่านการเจรจา ผมก็อยากจะทราบใน 2-3 ข้อ คือ 1.ที่ผ่านมาติดอุปสรรคอะไรในการที่จะช่วยเหลือคนไทย เพราะต้องยอมรับว่าไม่ได้มีแค่คนไทยล็อตนี้ แต่ในอนาคตก็จะมีอีก อาจจะยังรอเวลาสถานการณ์ในเมียนมา แต่สถานการณ์ก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ 2. คงเป็นเรื่องของเราต้องทำอะไรที่จะช่วยกันเพื่อที่จะช่วยเหลือคนไทย และคงจะเป็นในส่วนของกมธ.ฯ เราก็อาจจะต้องไปเจรจาหาทางพูดคุย ซึ่งตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรารู้เรื่องนี้เราพยายามพูดคุยกับหน่วยความมั่นคง ก็ต้องยอมรับว่ามันยังล่าช้าอยู่ ผมหวังว่าวันนี้เราจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจและเราก็จะแบ่งงานกันในการหาทางช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ติดอยู่” นายรังสิมันต์ กล่าว

จากนั้น นายรังสิมันต์ แถลงภายหลังการประชุมอีกครั้งว่า มีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ได้แก่ อธิบดีกรมการกงสุล เป็นตัวแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ , รองผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็นตัวแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเจ้ากรมยุทธการทหารบก ตัวแทนผู้บัญชาการกองทัพบก(ทบ.) โดยข้อมูลที่ได้รับจากรายงานที่ชี้แจงตรงกันว่าจำนวนคนไทยที่รอคอยความช่วยเหลือ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ยังอยู่ในเล้าก์ก่าย 254 คน ซึ่งในนี้ อยู่กับทางการภายใต้การควบคุมของทหารเมียนมา 165 คน และกลุ่มที่ 2 ที่จะเดินทางมาไทย 41 คน ซึ่งต้องรอกระบวนการ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กมธ. ได้ฝากไปถึงกระทรวงการต่างประเทศ ว่า 41 คนที่เดินทางมา ตอนนี้พอทราบอุปสรรคบางอย่างแล้ว ขอให้เร่งรัดการช่วยเหลือ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีในการช่วยเหลือในส่วนอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ยอมรับว่าในการช่วยเหลือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้เราเองก็ตั้งใจฟังและเห็นความพยายาม โดยเฉพาะ ทบ. แม้เราจะเห็นถึงความตั้งใจ แต่ต้องยอมรับว่าความตั้งใจอย่างเดียวยังไม่พอ กมธ.ฯจึงมีมติที่จะส่งเรื่องนี้ไปที่รัฐบาล โดยให้รัฐบาลเร่งรัดเรื่องการแก้ปัญหาช่วยเหลือคนไทยที่ติดที่เล้าก์ก่ายออกมาอย่างเร่งด่วนที่สุด รวมถึงตั้งวอร์รูมเพื่อช่วยเหลือคนไทยได้แล้ว
“สถานการณ์ในเมียนมาวันนี้ จากข้อมูลที่ทุกฝ่ายให้กับเรามา ตรงกันว่าเป็นสถานการณ์ที่รุนแรงและน่ากังวลอย่างที่สุด ถ้าเราไม่เร่งที่จะทำอะไร จะไม่ใช่แค่คนไทยที่อยู่ที่เล้าก์ก่าย แต่ยังมีอีกมาก วันนี้เป็นบทพิสูจน์ว่าถ้าช่วยคนที่เล้าก์ก่ายไม่ได้ เราจะไม่สามารถที่จะช่วยเหลือคนในพื้นที่อื่นได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ วันนี้ถ้าเทียบเคียงเป็นบ้าน แล้วบ้านข้างๆ เราไฟไหม้ และมีคนในครอบครัวของเราติดอยู่ในบ้านหลังนั้น หน้าที่ของเราต้องช่วยเหลือเขา ”นายรังสิมันต์ กล่าว

Message us