
นางปัทมา ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการพาณิชย์ บมจ.นีโอ คอร์ปอเรท (NEO) คาดว่าในช่วงครึ่งหลังปี 67 บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเติบโต 2 digit และอัตรากำไรสุทธิมากกว่าครึ่งปีแรกซึ่งอยู่ที่ 10.8% โดยในครึ่งปีหลังบริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ 62 SKU ที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้า Premium Mass มากกว่าครึ่งปีแรกที่ออกแล้ว 23 SKU และแม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะซบเซา ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง แต่ NEO มีการเติบโตมากกว่าตลาด เพราะสินค้าของบริษัทมีหลากหลายขนาดให้เลือกตามความสนใจ และมองว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าจะทำได้ดียิ่งขึ้น เพราะสินค้าของบริษัทตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หลากหลาย
นางปัทมา กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทวางแผนเพิ่ม Target Segment เพื่อครอบคลุมทุกช่วงวัย ซึ่งปีนี้ได้เพิ่ม กลุ่มผู้สูงวัย (Silver Age) และกลุ่มผู้มีสัตว์เลี้ยงที่จะมีผลิตภัณฑ์แบบ Pet Friendly ขณะเดียวกันก้นำเสนอผลิตภัณฑ์พรีเมียม และ mass premium ที่ผู้บริโภคใส่ใจสุขอนามัยมากขึ้น ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถทำกำไรได้ดียิ่งขึ้น
อีกทั้งบริษัทขยายประเทศส่งออกมากขึ้น โดยมุ่งเจาะตลาดเอเชียใต้และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยในปีนี้คาดว่าเพิ่มประเทศส่งออกอย่างน้อย 7 ประเทศ ซึ่งครึ่งปีแรก ส่งออก 4 ประเทศใหม่ ได้แก่ กาตาร์ บาร์เรห์ ปากีสถาน และ อัฟกานิสถาน และที่กำลังเจรจาอีก 2 ประเทศในตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออก 2 ประเทศ ซึ่งในช่วงแรกจะเป็นการแต่งตั้ง Distributorในประเทศนั้นก่อน โดยสินค้าหลักที่เข้าไปเจาะตลาดคือ กลุ่มสินค้าเด็กแบรนด์ Dee Nee ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์สินค้าเบบี้และเด็กที่แข็งแกร่ง ซึ่งแบรนด์ระดับโลกไม่มีแบรนด์สำหรับสินค้าเด็ก นอกจากนั้น ในประเทศที่ส่งออกแล้ว บริษัทจะส่งสินค้าแบรนด์ใหม่และโปรดักส์อื่นเพิ่มเติม ทั้งนี้ตลาดเวียดนามเป็นตลาดสำคัญ ที่มียอดขาย 50%ของรายได้ส่งออก
นางสาวนิชมน ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายนวัตกรรมธุรกิจ NEO กล่าวว่า บริษัทมีแผนเปิดตลาดในประเทศใหม่จากปีก่อนมีประเทศส่งออก 16 ประเทศ โดยวางเป้าหมายในปี 69 จะมีมากกว่า 25 ประเทศ และในปี 71 จะเพิ่มมากกว่า 28 ประเทศ ดังนั้นบริษัทคาดว่าในปี 71 บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มเป็น 15% จากปัจจุบันอยู่ที่ 12% อีกทั้งบริษัทมั่นใจเพิ่มช่องทางออนไลน์ และเพิ่มกิจกรรมทางการตลาด
ขณะเดียวกันบริษัทผลักดันกลุ่มสินค้าพรีเมียมแมส ซึ่งเติบโตทุกกลุ่ม โดยปีนี้ตั้งเป้าไว้มีสัดส่วนรายได้ 5% และในปี 69 ตั้งเป้าไว้ที่สัดส่วน 10%
นางปัทมา กล่าวว่า แผนธุรกิจ 5 ปี (2567-2571) ในส่วนของตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ มุ่งเน้นการส่งมอบสินค้าอุปโภคทั้งหมด 8 แบรนด์ จาก 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ขยายสู่ตลาดต่างประเทศภายใต้กลยุทธ์ dual tracks ได้แก่ ขยายการเติบโตในประเทศเป้าหมายเดิม ด้วยการนำเสนอสินค้าประเภทใหม่ จากทั้งแบรนด์เดิม รวมทั้งแบรนด์ที่ยังไม่ได้ทำการตลาด และ มุ่งขยายไปยังประเทศที่มีศักยภาพเพิ่มเติม
ในส่วนตลาดในประเทศ แผนธุรกิจ 5 ปียังรวมถึงการขยายไปยัง segment ใหม่ที่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตสูง เช่น segment ผู้สูงวัยที่บริษัทฯ เป็นเจ้าแรกในตลาด พร้อมกับส่งมอบนวัตกรรมที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค พร้อมชูกลยุทธ์ Innovation-led Premiumization ที่มีนวัตกรรมเป็นตัวนำในการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ รวมถึงการบุกขยายพื้นที่การขายให้ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งเป็นไปตามปณิธานของ NEO ในการก้าวสู่บริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้บริโภค ส่งมอบการเติบโตแบบ double digits ให้กับบริษัทฯ ในทุกปี ตลอด 5 ปีนี้
นางสาวณิศรา ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายปฏิบัติการ NEO กล่าวว่า สำหรับการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทฯ วางแผนยกระดับกระบวนการผลิตและขยายกำลังการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ (กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก) ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 400,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันประมาณ 230,000 ตันต่อปี
นอกจากนี้ ภายในโรงงานยังมุ่งเน้น ESG (Environmental, Social and Governance) ทั้งวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุธรรมชาติ โดยวางเป้าหมาย NEO ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20% ภายในปี 2573 เพื่อสร้างโลกที่สะอาดและอนาคตที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ NEO มีสัดส่วนรายได้ จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน 40%, กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล 26% และ กลุ่มผลิตภัณฑ์เด็ก 34%