3 รมต.ลุยอรัญฯติดตามปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวันที่ 12 ก.พ. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายสรวง เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เดินทาง ไปยังอำเภออรัญประเทศประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามสถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา และแนวทางปฏิบัติในการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์รวมถึงอาชญากรรมข้ามชาติ

นายภูมิธรรม ระบุว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ไว้เกือบทั้งหมดแล้ว อย่างเช่นรายงานข่าวเรื่อง ตึก 25 ชั้น ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปล่อยปะละเลย วันนี้ จะลงพื้นที่ไปดูด้วยตัวเอง เพื่อรับทราบรายละเอียดหน้างานก่อนที่จะจะมีการลงคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนการตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้ว และทราบว่าในพื้นที่มีโอเปอร์เรเตอร์ผู้ให้สัญญาณโทรศัพท์ 3 ราย ก็ได้เรียกมาพูดคุยกันแล้ว

นอกจากนั้น ในวันนี้ได้รับการประสานจากทางการ เมียนมา จะปล่อย ผู้ที่ถูกหลอกไปทำงานกับ แก๊งคอลเซนเตอร์ จำนวน 51 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ เอธิโอเปีย และเคนยา ถือว่า เป็นเรื่องปกติที่มีการปล่อยตัวออกมาเพราะประสิทธิภาพในการทำงานลดลงเนื่องจากมาตรการ กดดันจากทางการไทยจึงจำเป็นต้องมีการปล่อยตัวคนที่ทำงานในนั้นออกมา อีกทั้งยังได้มีการประสานงานเป็นการภายในกับทางการเมียนมา อยู่เป็น หากจะให้ลดการกดดันลง เมียนมาจะต้อง เคลียร์ปัญหาเรื่องแก๊งคอลเซนเตอร์ให้ได้ทั้งหมดก่อน

นายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า ประเทศไทยจะไม่มีการตั้งศูนย์อพยพแรงงาน ที่ถูกปล่อยตัวออกมาจากกระบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ เมื่อรับตัวกลับมาแล้วก็ประสานสถานทูตของแต่ละ คนมารับตัวและดำเนินการส่งกลับทันทีโดย โดยมีเงื่อนไขของการรับตัวคือ

1.ต้องมีประเทศรองรับชัดเจนสามารถยืนยันตัวตนได้

2.เข้ากระบวนการตรวจสอบ ถูกหลอกหลวงไปทำหรือไท่ (สอบสวนข้อมูล ต่างๆเกี่ยวกับขบวนการคอลเซนเตอร์)

3.ใช้เวลา ไม่เกิน 1 เดือน ก็ส่งกลับได้

อย่างไรก็ตาม ส่วนการผลักดัน ออกจากฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซนเตอร์ มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้นตอนนี้ยังประเมินได้ยาก เพราะไม่รู้ว่าฝั่งตรงข้ามได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหนแต่ยืนยันว่า รัฐบาลได้กำชับฝ่ายความมั่นคงวางกำลังรักษา ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดโดยตลอด ส่วนการออกคำสั่งย้ายข้าราชการ เบื้องต้น มีคำสั่งย้ายไปแล้ว 5 คน ประกอบด้วย ผู้กำกับการสภ. แม่สอด / ผู้กำกับการสภ. แม่ระมาด / และผู้กำกับการสภ. พบพระ โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิมและเข้าไปช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจฎรรภาค 6 อีก2 คนคือ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก และ พล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ ผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 5 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ขาดจากตำแหน่งเดิมเช่นเดียวกันและให้เข้ามาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วและการ สั่งย้ายครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่านายตำรวจทั้งห้านายเป็นผู้กระทำความผิดหรือมีส่วนร่วมกับขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ แต่เพราะถูกกล่าวหาจึงต้องให้ขาดจากตำแหน่งเดิมไว้ก่อน เพราะตนเองเคยสั่งการไปแล้วว่าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นผู้การฯ จังหวัดจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบก่อน และเพื่อให้คณะกรรมการสอบสวนได้ทำงานอย่างเต็มที่และโปร่งใสที่สุด ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกคนด้วย

นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกรณีการออกหมายจับ พ.อ.หม่อง ชิตตู ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ แม้จะออกหมายจับไปแล้วแต่หากตัวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่สามารถเข้าไปจับกุมได้ แต่ฝ่ายความมั่นคงได้ติดตามอย่างใกล้ชิด หากพบว่าเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยก็จะดำเนินการ จับตัวทันที

Message us