17 ตัวประกันแรงงานไทยเดินทางถึงสุวรรณภูมิหลังกลุ่มฮามาสปล่อยตัว

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้การต้อนรับแรงงานไทยที่ได้รับการปล่อยตัวจากการถูกจับเป็นตัวประกันโดยกลุ่มฮามาส ผ่านทางวีดีโอ zoom โดยมี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยมาต้อนรับคนไทยล็อตแรกที่ถูกปล่อยตัวและกลับสู่ประเทศไทยรวม 17 คน โดยกลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นทุกคนได้รับการตรวจสุขภาพจากประเทศอิสราเอลแล้ว โดยเดินทางจากประเทศอิสราเอลถึงไทย ด้วยสายการบิน EL AL เที่ยวบินที่ LY081 เครื่องลงเวลา 15.10 น.

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีที่ทุกคนได้กลับมาสู่ประเทศไทย พร้อมได้สอบถามตัวแทนตัวประกันที่ถูกปล่อยตัวว่า เพื่อน ๆ คนไทยที่เหลือเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับคำตอบว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบข้อมูลว่าเป็นอย่างไร แต่ขอให้ทุกคนปลอดภัยกลับมา

ขณะเดียวกัน นายปานปรีย์ กล่าวว่า สถานการณ์ล่าสุดที่ทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปรับตัวประกันที่ถูกปล่อยตัวทั้ง 17 คน ส่วนใหญ่แข็งแรงดี กำลังใจดี โดยทางการอิสราเอลให้การดูแลดี มีการดูแลในโรงพยาบาล ส่วนเรื่องสุขภาพจิต พบว่า สุขภาพจิตดี ทุกคนพร้อมเดินทางกลับไทยโดยเร็วที่สุด ขณะที่คณะกำลังจะเดินทางกลับก็ได้ข่าวดีเพิ่มเติมว่า คนไทยได้รับการปล่อยตัวอีก 6 คน รวมเป็น 23 คน และยังคงเหลืออีก 9 คน คณะทำงานทุกหน่วยงาน ยังต้องทำภารกิจนี้ต่อไปจนกว่าอีก 9 คนได้รับอิสรภาพกลับสู่ประเทศไทย

นายปานปรีย์ กล่าวว่า คนไทย 6 คนที่ได้รับการปล่อยตัวเพิ่มเติม ร่างกายอิดโรย จึงไม่สามารถพากลับมาในตอนนี้ ยังอยู่ในการรักษาใน รพ.อิสราเอล ต้องขอขอบคุณประเทศที่ช่วยเหลือประเทศไทย เพราะเขารักคนไทยมาก จึงเต็มใจช่วยเหลือคนไทยให้ได้กลับมาเร็วที่สุด จะเห็นได้ว่าตัวประกันทั้งหมดกว่า 200 กว่า คนไทยได้รับการปล่อยตัวมามีจำนวนมากและได้รับปล่อยตัวเป็นลำดับต้นๆ

รมว.ต่างประเทศ กล่าวต่อว่า ไม่สามารถระบุได้ว่า 9 คนอยู่ที่ใดบ้าง ไม่มีใครทราบเรื่องนี้ จะเป็นการแจ้งมากระทันหันให้ออกไปรับตัวประกัน ดังนั้น เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ ตนได้หารือร่วมกับ รมว.ประเทศของอิสราเอล รวมถึงประธานาธิบดีประเทศอิสราเอล เพื่อขอคำยืนยันว่า คนไทยที่ไปทำงานจะได้รับการดูแลอย่างดีให้มีความปลอดภัย และสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับจะต้องทำให้เรียบร้อย ทางการอิสราเอลก็ได้รับปาก เพราะเขามองคนไทยเสมือนเป็นคนอิสราเอลด้วยกัน ตนจึงเชื่อว่าเรื่องสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับ ไม่น่าเป็นห่วงเพราะทางเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ จะดูแลให้ทุกคน เมื่อกลับมาถึงไทยแล้วไม่ต้องกังวลว่าจะถูกตัดชื่อทิ้ง

ด้าน น.ส.ปลิตา เเสงบุญ ชาว จ.นครพนม บุตรสาว นายบุดดี เเสงบุญ เปิดเผยว่า ตนเองและก็ครอบครัว ได้เดินทางมารอรับคุณพ่อ  โดยคุณพ่อไปทำงานอยู่ประเทศอิสราเอลตั้งแต่หนูอายุได้ 1 ขวบ จนถึงตอนนี้เป็นเวลา13 ปี  หลังจากทราบข่าวว่าคุณพ่อโดนจับกุมเป็นตัวประกันรู้สึกกังวลและเป็นห่วงเกรงว่าจะเป็นอันตราย มาทราบข่าวว่า คุณพ่อได้รับการปล่อยตัวและจะเดินทางกลับมาในวันนี้ รู้สึกดีใจมาก ขอขอบคุณรัฐบาล และทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือคนไทยทุกคนได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย

ข่าว/ภาพ : สุทธิวิทย์ ชยุตม์วรกานต์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการ

Message us