“ไชยวัฒน์”ลั่นปมหมุดส.ป.ก.ปักในเขตอุทยานฯไม่มีจบแบบหล่อ ๆ

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหารือและแถลงข่าวร่วมกันของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ว่า พอใจผลการหารือและข้อตกลงในการทำงานร่วมกัน เพื่อตรวจสอบแนวเขตที่ดินในความรับผิดชอบของทั้งสองกระทรวง โดยพอใจประมาณร้อยละ 80-90 เนื่องจากยังมั่นใจว่า พื้นที่พิพาทที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมาปักหมุดและออกส.ป.ก. 4-01 บริเวณบ้านเหวปลากั้ง หมู่ที่ 10 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 

ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงทส. และปลัดกระทรวงกษ. รวมถึงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผู้แทนกรมป่าไม้ และเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) เห็นตรงกันที่จะให้นำแผนที่ของแต่ละหน่วยงานมาเปรียบเทียบ เพื่อหาแนวเขตที่ถูกต้อง หากเป็นพื้นที่ทับซ้อนให้คณะอนุกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1: 4000 (One Map) ตรวจสอบและเสนอคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ชี้ขาด

สำหรับ ประเด็นที่พึงพอใจและภูมิใจมากที่สุดคือ การที่ปลัดกระทรวงทส. เห็นด้วยกับที่ตนเองเสนอว่า ให้กันพื้นที่รอยต่อ (corridor) ของเขตป่าอนุรักษ์และเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อสงวนเป็นที่พักพิงและหลบภัยของสัตว์ป่าซึ่งเคลื่อนย้ายระหว่างหากินข้ามกลุ่มป่า โดยจะขอไม่ให้ส.ป.ก. อนุญาตเข้าทำประโยชน์เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่า

นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมาเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรหมูสีให้ดำเนินคดีที่นายชัยวัฒน์และคณะเจ้าหน้าที่ถอนหลักหมุดส.ป.ก. แปลงที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ตรวจยึดเนื่องจากเห็นว่า หลักหมุดอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยระบุว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย อีกทั้งก่อนหน้านี้ตนแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ว่า ออกส.ป.ก. โดยมิชอบ ดังนั้นจะต้องเอาหลักฐานไปพิสูจน์กันว่า เป็นพื้นที่ของหน่วยงานใดกันแน่ เรื่องนี้จะไม่มีจบแบบหล่อ ๆ โดยไม่มีผู้กระทำผิด หากชี้ชัดว่า เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เจ้าหน้าที่ส.ป.ก. ต้องรับไป แต่หากเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตนเองกับคณะเจ้าหน้าที่ต้องน้อมรับเนื่องจากเป็นคดีอาญา 

ทั้งนี้ ที่มีความพยายามเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการที่ นายชัยวัฒน์ถูกชี้มูลความผิดโดยป.ป.ช. และการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องต่างๆ ขณะเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น ไม่ได้ทำให้ท้อแท้ ที่ผ่านมาไม่เคยทุจริตหรือเรียกรับเงินใคร เรื่องที่ถูกร้องเรียนเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ แต่พร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า ทำหน้าที่ปกป้องทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่ามาตลอด จนจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2567 จึงต้องออกมาแนวหน้าและยอมทิ้งตัวเพื่อให้ลูกน้องทำหน้าที่ต่อไป พร้อมย้ำว่า ที่สู้ไม่ได้เพื่อเอาชนะ แต่เพื่อรักษาป่าและปกป้องศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์ป่า

Message us