“แพทองธาร”แพคคู่”เศรษฐา”กราบหลวงพ่อเพชรพระคู่เมืองพิจิตร

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่วัดท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย เขต 1 นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร เขต 2 นายภูดิท อินสุวรรณ์ อดีต ส.ส.พิจิตร พรรคพลังประชารัฐ เขต 3 นายวิชัย ด่านวิจิตร ร่วมสักการะหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวงวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดพิจิตร สร้างขึ้นเมื่อปี 2388 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3

น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ถึงการขึ้นเวทีปราศรัยที่จังหวัดพิจิตรว่าคิดว่าวันนี้จะแนะนำนายเศรษฐา ให้ประชาชนได้เห็น ก็จะได้มาปราศรัยด้วยกันกับทีมพรรคเพื่อไทย ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นที่ปรึกษาและอยู่ในทีมเศรษฐกิจด้วย

เมื่อถามว่า พื้นที่ ส.ส.เขตที่ผ่านมาเป็นของพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทยจะทำให้แลนด์สไลด์ใน จ.พิจิตรได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรามีความมั่นใจอย่างมาก ในนโยบายของเรา โดยคนที่เห็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร 3 เขตนั้น ครั้งนี้เราก็มีความมั่นใจแต่ก็ต้องได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนและพรรคก็ขอ ส.ส.ทั้ง 3 คนด้วย

ด้าน นายเศรษฐา กล่าวถึงการขึ้นเวทีปราศรัยที่จังหวัดพิจิตรเป็นครั้งแรกว่า จริงๆ แล้ว เรื่องที่จะพูดไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นครั้งแรกที่จะได้พบปะกับประชาชนในเวทีใหญ่

นายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ออกมาเตือนหาก เป็นนักการเมืองต้องทิ้งภาพนักธุรกิจว่า ก็เป็นคำเตือน ซึ่งน้อมรับ การที่ตนเข้ามาทำงานการเมืองก็มีขั้นตอนจะสลัดภาพ ตัวเองออกจากนักธุรกิจออกไป ไม่ว่าจะเป็นการลางานโดยไม่รับผลตอบแทนโอนหุ้นให้บุตรธิดา ก็ต้องดำเนินการจ่ายภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว แสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนในระยะยาวก็ขอให้ดูกันต่อไปแล้วกัน ก็ขอขอบคุณสำหรับคำเตือนของนายวันชัย ก็จะไม่ลืมจะปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อเอาบ้านเมืองและประชาชนเป็นที่ตั้ง

เมื่อถามย้ำว่า ถ้าสลัดภาพไม่ออกก็จะซ้ำรอยเหมือน ดร.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา กล่าวว่า ตอบไปแล้ว ก็เป็นคำตอบอย่างนััน ก็ขอให้ดูไป เมื่อถามย้ำอีกว่า ไม่กังวล จะซ้ำรอยเดิมกับที่พรรคเพื่อไทยเคยเจอมา นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าระยะเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์อย่างหนึ่งว่า ในอดีตได้เกิดอะไรขึ้น หลายๆ เรื่องไม่ว่า การรัฐประหาร การปกครองบ้านเมืองที่จริงๆแล้วเราก็ต้องดูกันไป ส่วนตนเพิ่งเข้ามา ยังไม่ได้เป็นอะไรนอกจากประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเท่านั้น

เมื่อถามถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทยที่ออกมาขย่มรายวัน นายเศรษฐา กล่าวว่า คิดว่าเป็นการเตือนก็ขอน้อมรับไว้ และตนได้ตอบไปแล้วในหลายๆคำถาม ยืนยันไม่ได้กังวลใดๆ ตนรู้จักนายชูวิทย์ เพราะเป็นนักธุรกิจมา 30 กว่าปี รู้จักคนเยอะก็คงเป็นคำเตือน วิธีการเตือนของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปซึ่งก็ขอน้อมรับไว้ ทั้งนี้คงไม่จำเป็นต้องไปสื่อสารกับ นายชูวิทย์เพราะสิ่งที่นายชูวิทย์ได้พูดออกมานั้นก็เป็นการเตือนอยู่แล้ว ตนก็รับฟังแล้ว

“ผมว่าการที่ก้าวเข้าไปจากการเป็นนักธุรกิจการเมืองและเปลี่ยนบทบาทเป็นนักการเมืองจะบอกว่าไม่กลัวอะไรเลยมันก็ไม่ใช่ก็ยอมรับว่ามันมีความหวาดระแวงกลัวมากที่สุดกลัว แต่ที่กลัวมากที่สุดก็คือกลัวว่าจะไม่สามารถทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนได้ เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้นการลงพื้นที่วันนี้คือการมาพบปะกับพี่น้องประชาชนประชาชนพบกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ น่าจะเป็นบันไดขั้นหนึ่งที่ส่งต่อให้เรา มีสิทธิ์เข้าไปจัดการบริหารบ้านเมือง หวังว่าพี่น้องชาวพิจิตรคงจะเลือกพรรคเพื่อไทยยกทั้ง 3 เขต เพื่อให้ ส.ส. 310 เสียง ถือว่าเป็น คำเตือนเพราะเราอยู่ในพื้นที่ของสาธารณะที่ต้องรับคำเตือนคำแนะนำอยู่ที่การปฏิบัติตัวของตัวเราเองมากกว่า”นายเศรษฐากล่าว

Message us