
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั้น อยากให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ไม่อยากให้การเมืองเกิดภาวะสะดุด ไม่ว่าระยะสั้นหรือระยะยาวเนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนใครจะมาเป็นผู้นำรัฐบาลคนต่อไปนั้น ในเรื่องนโยบายต่างๆจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ จะทำให้การลงทุนเกิดการชะลอตัวเพื่อดูความชัดเจนทางการเมือง ไทยจะเสียโอกาสการแข่งขัน
ทั้งนี้ รวมถึงคณะรัฐมนตรี(ครม.)ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยนั้น การเปลี่ยนนโยบายจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว ทั้งเจ้ากระทรวง ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่ ซึ่งหากตำแหน่งนายกฯ เว้นว่างนานเท่าไหร่จะไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ตนไม่สามารถประเมินระยะเวลาในการตั้งครม.ชุดใหม่ได้ แต่ขอวิงวอนให้เร่งดำเนินเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้ยังไม่มี ครม.ใหม่ แต่เงินงบประมาณที่กำลังจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ขอให้เดินหน้าต่อ อย่าหยุด ขอให้เบิกจ่ายได้ต่อเนื่องอย่าเกียร์ว่าง เพราะจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยแย่ไปกันใหญ่ เพราะเคยมีประสบการณ์มาแล้วในรัฐบาลก่อนหน้าซึ่งการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ส่งผลสูญเสียโอกาสในทุกด้าน
นายเกรียงไกร กล่าวว่า การสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรายชื่อมีอยู่ 4 -5 ท่าน เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องไปเคยตกลงกัน ในเรื่องโควตาอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน แต่ภาคเอกชนอยากให้ทุกอย่างจัดตั้งให้เสร็จภายใน 1 เดือน