เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่กระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ามอบนโยบายและติดตามงานที่กระทรวงการคลัง ถึงกรณีที่เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ได้มีการรายงานเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจตามที่ได้เสนอข่าวไป สื่อมวลชนก็ทราบอยู่แล้วว่า ตัวเลขออกมาเท่าไหร่
เมื่อถามว่า ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นห่วงอย่างมาก เพราะเท่าที่สอบถามเลขาธิการสภาพัฒน์ว่า เป็นอย่างไร ตัวเลขจีดีพีออกมา 1.5% ในไตรมาส 3 เลขาธิการสภาพัฒน์ก็บอกว่าท่านเองก็ตกใจเพราะนึกว่าความจริงแล้วจะเห็นเลข 2
เมื่อถามว่า เลขาฯสภาพัฒน์ได้ระบุถึงอุปสรรคหรือไม่ว่าปัญหามาจากอะไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็มีเหตุผลหลายอย่างทั้งเรื่องการใช้จ่าย การลงทุน และเรื่องการผลิตของโรงงาน ทุกอย่างก็เลวร้ายกว่าที่คิดไว้เยอะ เมื่อถามว่า จะส่งผลถึงไตรมาสแรกในปีหน้าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างส่งผลหมดแต่อย่าเพิ่งข้ามไปไตรมาสแรก เพราะไตรมาสที่ 4 ปีนี้ก็ยังเหลืออีกครึ่งไตรมาส เราก็ต้องพยายามทำให้ตัวเลขดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าจะดีขึ้น เกี่ยวกับนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เราพูดกันเยอะแล้ว และเราก็ทราบว่าขั้นตอนต่อไปเป็นอย่างไร และตัวเลขก็บ่งบอกชัดเจนสำหรับตน ก็ขอให้เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจุดยืนของตนนั้นชัดเจน วิกฤตและจำเป็น
เมื่อถามว่า การมาประชุมที่กระทรวงการคลังวันนี้มีวาระพิเศษอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีเรื่องเยอะเลยหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่ตนแถลงไปว่าประมาณปลายเดือน หรือต้นเดือนหน้าจะมีการแถลงเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบทั้งหมด ที่จะต้องมาดูกันว่ามีกลุ่มไหนบ้างที่ยังขาดการดูแล วันนี้ก็มาพูดคุยกันแบบทำงานเป็นทีม
เมื่อถามว่า จะมีการหารือกันเรื่องแหล่งเงินกู้ของโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้เอาเรื่องหนี้ก่อน ส่วนเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต พูดชัดเจนแล้วเรื่องแหล่งเงินกู้ก็ชัดเจนแล้วว่าจะออกเป็นพระราชบัญญัติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมวันนี้จะมีการพูดคุยเรื่องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนบริหารจัดการเองระหว่างตนกับกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยไปแล้ว ท่านเข้าใจและตระหนักดีถึงปัญหานี้ วันนี้กำลังคิดอยู่ว่าจะแถลงพร้อมกันกับเรื่องการบริหารหนี้ทั้งหมดหรือจะแยกแถลง
