
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พักโทษ กลับไปอยู่ที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะมีกำหนดการเข้าไปขอคำปรึกษาในการบริหารประเทศอย่างไรหรือไม่ ว่า ยังไม่มีเลย แต่ทราบว่า นายทักษิณ ได้ออกมาเมื่อเช้านี้ ตนคิดว่าในฐานะพ่อ คิดว่ายินดีด้วยเพราะจะได้เจอลูกที่ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่ได้อยู่กันอย่างครอบครัวมานาน นายทักษิณ กลับมาเข้ากระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อย และที่ได้ออกมาก็เป็นไปตามข้อกฎหมายที่กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ และกระทรวงยุติธรรม เป็นคนเดินเรื่องมาและจบไปแล้ว และก็ได้กลับบ้านแล้วตนเชื่อว่าช่วงเวลานี้ นายทักษิณ คงไม่ได้สนใจ เรื่องการเมืองขนาดนั้น คงอยากจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและรักษาตัวเองต่อไปให้ดี หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากันก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้วหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังเลยครับ ไม่มีเวลาเลย และวันนี้ก็มีงาน 7 หมาย ยังไม่มีครับ แต่เชื่อว่าใจถึงใจอยู่แล้ว ท่านก็รู้ว่าตนส่งความปรารถนาดีและก็ยินดี และก็เป็นเวลาส่วนตัวของท่านกับครอบครัวท่าน เราสนิทกันอยู่แล้วเรื่องพวกนี้ไม่ต้องโทรหรอกครับ แต่ถ้ามีโอกาสก็โทร หากมีประชุมอะไรก็คงเข้าไปแสดงความยินดีด้วย ตนเชื่อว่าเวลาอันมีค่าที่ท่านไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบ 20 ปีคงใช้เวลาอันนี้ให้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
เมื่อถามว่า มีผู้เห็นต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุดหย่อน โดยมองว่าศูนย์บริหารงานจะเปลี่ยนจากทำเนียบรัฐบาลไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้า ตรงนี้ท่านมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทยอยู่แล้ว ตนน้อมรับเรื่องความเห็นต่างอยู่แล้ว และเราต้องพูดคุยด้วยภาษาที่เหมาะสม และยึดมั่นในหลักการ วันนี้ตนเชื่อว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ก็ได้อยู่ตรงนี้ เราเคยอยู่คนละพรรคและเคยอยู่พรรคเดียวกันมาก็คงมีเห็นต่างกันบ้าง แต่ปัจจัยโดยรวมก็เห็นตรงกันว่าบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ เพราะบ้านเมืองในอดีตเราบอบช้ำกันมาเยอะแล้ว
นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้เราก็มาร่วมกันทำงานเพื่อประเทศชาติ จะเป็นเรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรีบางคนหรือหลายๆท่าน ซึ่งถ้าท่านทำได้ โดยหลังได้รับการแต่งตั้ง ตนก็เข้าไปเรียนพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี อดีตนายกฯ ขอคำแนะนำและเวลาเจอกันตามงานต่างๆ ก็มีการพบปะพูดคุยกัน ขอคำแนะนำอยู่แล้ว ตนเชื่อว่าถ้าอดีตนายกฯทักษิณพร้อม และอยากได้คำแนะนำ ตนเชื่อว่าไม่มีใครในรัฐบาลนี้ไม่อยากจะรับคำแนะนำจากท่าน แม้แต่นายอนุทิน เองก็เคยทำงานร่วม กันมาก่อน และท่านเองก็รู้ว่ามีความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองและประสบการณ์ที่ท่านได้สะสมมาระหว่างอยู่เมืองนอก และก็เข้ามาสู่กระบวนการกฎหมาย ที่ต้องเน้นย้ำว่าถูกต้อง ตรงนี้ก็อย่ามาดราม่ากันเลยดีกว่า ว่ามีนายกกี่คนอะไรอย่างไร รัฐธรรมนูญไทยก็ระบุแล้วว่ามีนายกฯอยู่คนเดียว และมีคนเดียวก็คือตนนี่แหละครับ
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯเคยบอกว่าได้เจอ กับ พล.อ.ประยุทธ์ คุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้คำปรึกษาอะไรพอจะเปิด เผย ได้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ได้ครับ ท่านก็บอกว่าสิ่งที่ทำอยู่ก็ดีอยู่แล้ว และก็ต้องมีความอดทนต่อไป อย่างที่ท่านเตือนตอนที่เข้ามา ท่านอาจจะเตือนแรงแต่เต็มไปด้วยความหวังดี ว่ามันไม่เหมือนกันนะ เรื่องธุรกิจกับเรื่องบริหารราชการ ธุรกิจมันก็มีอำนาจเบ็ดเสร็จแต่ว่าราชการต้องพึ่งหลายๆหน่วยงาน นายอนุทินตอนเข้ามาก็เคยเตือนผมว่าพี่ต้องใจเย็นๆ ไม่ใช่ทุกเรื่องจะทำได้เองหมด เหมือนกับพี่น้องสื่อมวลชนเคยเตือนผมก็ต้องใจเย็นๆหน่อยนึงช้าๆบ้าง อย่าปากไว ซึ่งจริงๆแล้วมันก็เป็นคำเตือนที่ผมไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธ ผมเองก็ไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธหรืออะไร เพราะในบางบริบทมันก็เหมาะสม ที่จะต้องได้รับการเตือนและรับฟัง และนำไปพิจารณา ผมเองก็ไม่ได้เคลมว่าตัวเองรู้หมดหรือว่าดีหมดทุกอย่าง ถ้าคำแนะนำเหมาะสมและพูดจาแนะนำกันด้วยความปรารถนาดีผมก็น้อมรับจากทุกๆท่านไม่ใช่อดีตนายกฯอย่างเดียว จากพี่น้องประชาชนและจากผู้สื่อข่าว ผมมานี่เพิ่งเข้าสู่การเมืองได้แค่ 5-6 เดือนเอง นายอนุทินเองก็ตามผมไปทุกที่ให้คำแนะนำตลอด เมื่อเช้าทาน อาหารก็ยังให้คำแนะนำให้ผมฟัง 10 เรื่อง แต่ผมฟัง 6-7 เรื่อง ผมไม่ฟัง 4 เรื่องท่านก็เข้าใจ เพราะผมก็มีขีดจำกัดของผมเหมือนกัน คนเราก็ต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง จะอะไรก็ตามที่เป็นคำแนะนำจากท่านใดก็ตามผมยินดี นายกรัฐมนตรีคนนี้น้อมรับค“
เมื่อถามว่า เข้ามาเป็นนายกฯ 5-6 เดือนรู้สึกเหนื่อยหนักหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ถ้าบอกว่าไม่เหนื่อยก็คงไม่จริงมั้ง แต่เราเสนอตัวเองมารับใช้พี่น้องประชาชน และเราก็ทราบว่าปัญหามันเยอะอยู่แล้ว อย่างที่ทราบกันอยู่อย่างปัญหาเศรษฐกิจ PM2.5 และยาเสพติด ซึ่งช่วงเช้าแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ได้เข้ามาพูดคุย และมาเสนอวิธีการซึ่งตนก็เห็นว่าน่าสนใจ ที่จะกำจัดยาเสพติดออกไป และวันนี้ก็มาเจอปัญหาเรื่องเขตแดน การบริหารราชการแผ่นดินที่มีพื้นที่ทับซ้อน และหลายๆอย่างทำให้การพัฒนาจังหวัดสกลนครไม่สามารถไปถึงจุดที่สามารถทำได้ ถ้าเราสามารถไปแก้ไขเรื่องเขตและสิทธิในการทำกินหรือก่อสร้าง หลายอย่างก็จะเกิดขึ้นได้ รวมถึงการทำให้หนองหารนี้เป็นพื้นที่รับน้ำ กระจายน้ำได้อย่างเหมาะสม ป้องกันภัยท่วมภัยแล้งได้ ซึ่งยังไม่ได้พูดถึงการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา ที่จะสร้างอนุสาวรีย์หลวงปู่มั่น จะทำให้คนมาท่องเที่ยวกันได้อีกเยอะ อันนี้ตนไม่อยากจะมองว่าเป็นปัญหาเรามองว่าเป็นโอกาสจะดีกว่า รัฐมนตรีหลายท่านลงมาเต็มที่ทุกคน แม้สส. ก็มาเยอะ ทุกๆพรรคก็มากัน เราอยากเห็นจังหวัดสกลนครพัฒนาไปในทิศทางที่สามารถไปได้
เมื่อถามว่า การพักโทษของนายทักษิณ มองว่าอาจทำให้สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป นายเศรษฐากล่าวว่า ก็คอยดูต่อไป การเมืองก็เปลี่ยนไปทุกๆวัน มันก็มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยทุกวันอยู่แล้ว แต่ว่าเปลี่ยนไปนี่ตนไม่แน่ใจว่าท่านหมายความว่าดีขึ้นหรือเลวลง แต่ตนมองว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอยู่แล้ว คนเรามาอยู่ตรงนี้แล้ว รัฐบาลเองมี 314 เสียง เราเองไปไหนด้วยกันและทำงานร่วมกัน อย่างที่ตนบอกมีบางข้อไม่เห็นตรงกัน แต่เราก็พูดจากันด้วยดีและพยายามซอฟปัญหากันด้วยความตั้งใจจริง ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือนำประเทศไปข้างหน้า
“ ถ้าการพักโทษทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองไปในทิศทางที่ดีขึ้นโดยอยู่บนความชอบธรรมของกฎหมายที่ท่านได้กลับมารับโทษเรียบร้อยแล้ว และได้รับผ่านขั้นตอนทางกฎหมายเรียบร้อยและออกมาพักตัวที่บ้านแล้ว ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนคนไทย 60 ล้านกว่าคน ก็ยินดีถ้าเกิดการเมืองเมืองไทยดีขึ้น“ นายเศรษฐากล่าว
เมื่อถามว่า ยังมีอดีตนายกรัฐมนตรี ในสังกัดของพรรคเพื่อไทย ที่ยังคงอยู่ต่างประเทศ หากจะกลับเข้ามาสู่กระบวนการทางกฎหมาย ท่านนายกฯมองอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของท่าน ตนไม่มีความเห็นอะไรทั้งสิ้น ถ้ากลับเข้ามาสู่กระบวนการทางกฎหมาย ทุกอย่างถูกต้องก็เป็นเรื่องน่ายินดีไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ประกาศว่าอาจจะไปชุมนุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เกรงหรือไม่ว่าจะเกิดความบานปลาย นายเศรษฐากล่าวว่า ก็อย่างที่บอกจริงๆแล้ว เราอยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ และวันนี้บ้านเมืองสงบสุขมาแล้ว ในช่วงตั้งแต่ปลายสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา จนถึงรัฐบาลนี้ปัญหาใหญ่กว่าคือปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ อยากให้โฟกัสในเรื่องนี้มากกว่า แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่แสดงจุดยืนก็ขอให้ตั้งอยู่บนกรอบของกฎหมาย รัฐบาลก็มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่าให้เกินเขตเกินเลย
เมื่อถามว่า วาระเร่งด่วนของรัฐบาลคือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ มองกันว่าอดีตนายกฯทักษิณมีความรู้ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ในเรื่องนี้จะเข้าไปขอคำปรึกษาหรือไม่อย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแค่อดีตนายกฯทักษิณที่มีความรู้ความสามารถ แต่ทุกคนเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่าอดีตนายกฯทักษิณ เป็นอดีตนายกฯที่ได้รับการนิยมชมชอบสูงสุดในประวัติศาสตร์ของวงการการเมืองไทยด้วยและยังมีนายกฯอีกหลายคนที่มีความชำนาญในอีกหลายๆเรื่อง ซึ่งเราเองรัฐบาลนี้ไม่ใช่แค่ตนคนเดียว รองนายกรัฐมนตรีคนอื่นก็มีสิทธิ์ที่จะไปขอคำแนะนำจากใครก็ตามที ที่สนิทสนมกัน อย่างไรก็ตามมีจุดมุ่งหมายเดียวกันให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้