
จากกรณีเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ที่ประเทศเมียนมา และกระทบมาถึงไทยในหลายพื้นที่ ทำให้ตึกอาคารก่อสร้างของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) พังถล่มลงมา จนกระทั่งเกิดการตั้งคำถามถึงการแจ้งเตือนหลังเกิดแผ่นดินไหว ในเรื่องเอสเอ็มเอส ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานไปยัง กสทช. แต่เกิดความล่าช้า
ล่าสุด พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า กสทช.ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะหากกรรมการ กสทช.จะให้สำนักงานดำเนินการใด ๆ ต้องให้ประธานมอบหมายก่อน
จากการตรวจสอบพบว่ามีคำสั่งดังกล่าวจริง โดยเป็นบันทึกข้อความลงนามโดยศาสตราจารย์คลินิก สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ทำถึงเลขาธิการ กสทช. เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566
เนื้อหาระบุว่า ด้วยปรากฏว่าการปฏิบัติงานของสำนักงาน กสทช.ที่ผ่านมาเกิดปัญหาการบริหารภายในสำนักงาน กสทช. อันเกิดจากความไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่และอำนาจของตนตามกฎหมายทั้งในส่วนของผู้บริหารและพนักงานผู้ปฏิบัติ
เกิดการดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง ละเลย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ และคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยชอบด้วยกฎหมาย กระทำการข้ามขั้นตอนการปฏิบัติและสายการบังคับบัญชา และหากปล่อยให้ปรากฏการณ์ดังกล่าวดำรงอยู่โดยไม่มีการแก้ไข จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อ
ภาพลักษณ์และการปฏิบัติงานของสำนักงาน กสทช. ที่มีหน้าที่ดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน ดังที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสาธารณะ
เพื่อให้พนักงานสำนักงาน กสทช.ทุกคนเข้าใจในบทบาทหน้าที่และอำนาจตามตำแหน่งและสายการบังคับบัญชาอย่างถูกต้องตรงกัน และปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเรียบร้อยราบรื่นตามสายการบังคับบัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความขัดแย้ง เพิ่มความเข้าใจและร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติงาน เพื่อนำพาสำนักงาน กสทช. ไปสู่ความเป็นองค์กรชั้นนำในระดับอาเซียนในการกำกับดูแลและพัฒนากิจการสื่อสารเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้
อาศัยอำนาจตามมาตรา 56 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
จึงให้แจ้งพนักงาน สำนักงาน กสทช. ทุกคนเพื่อทราบและถือปฏิบัติดังต่อไปนี้
1.สำนักงาน กสทช. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของประธาน กสทช. (มาตรา 56)
2.เลขาธิการ กสทช. ขึ้นตรงต่อประธาน กสทช. และเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน กสทช. (มาตรา 60)
3.”กสทช.” หมายความว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จำนวนเจ็ดคน (มาตรา 6)
“กรรมการ” หมายความว่า กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (มาตรา 4)
กสทช.อาจมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ตามมาตรา 33/1 หรือ มอบหมายให้สำนักงานปฏิบัติการอื่นตามมาตรา 57 (7)
3.1 ไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายใด ให้อำนาจกรรมการ มอบหมายให้สำนักงาน กสทช. หรือพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติการอื่นใดได้โดยตรง
3.2 ไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายใด กำหนดให้ กสทช. และ/หรือ กรรมการมีหน้าที่และอำนาจในการบริหาร กำกับดูแล ควบคุม สังการหรือประเมินผล สำนักงาน กสทช.ส่วนงานภายในหรือพนักงาน
3.3 เมื่อสำนักงาน กสทช. ส่วนงานภายใน หรือพนักงานคนใด ได้รับการร้องขอมอบหมาย ข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ หรือได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินการอย่างใดจากกรรมการหรือบุคคลอื่น นอกเหนือจากผู้บังคับบัญชาตามสายการบังคับบัญชาต้องรีบเสนอ เลขาธิการ กสทช. ให้สั่งการหรือเสนอ
ประธานเพื่อทราบหรือสั่งการแล้วแต่กรณี และห้ามมิให้กระทำหรือดำเนินการใดๆ ก่อนได้รับข้าสั่งการจาก ประธานหรือเลขาธิการ
4.ก่อนมีคำสั่งหรือดำเนินการใดๆ ต้องศึกษาข้อกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ มติ ครม. มติ กสทช. ที่เกี่ยวข้องให้ละเอียดรอบคอบในทุกมิติ อย่าให้เกิดบกพร่องหรือผิดพลาดขึ้นได้
5.ห้ามมิให้สั่งการหรือดำเนินการใดๆ อันเป็นการข้ามขั้นตอนและสายการบังคับบัญชา เว้นแต่จะได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเป็นเหตุจำเป็นเร่งด่วนซึ่งหากล่าช้าจะเกิดความเสียทาย และเมื่อดำเนินการแล้วต้องรีบแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยทันที
6. หากผู้ใดฝ่าาฝืนไม่ปฏิบัติให้ถือว่ากระทำผิดวินัย



