
นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริการจัดการเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) และพบปะกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงวัว โดยมี นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว เลขานุการรมช.เกษตรฯ คณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ แปลงของนายยุทธนา ทัยบุตร หมู่ที่ 4 บ้านเขาดินไพรวัลย์ ต.นาขุนไกร อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย
นายอนุชา กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯได้ขับเคลื่อนโครงการสำคัญ คือ Zoning by Agri-Map เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตในพื้นที่ปลูกข้าวที่เหมาะสมน้อย (S3) หรือไม่เหมาะสม (N) ไปปลูกพืชทางเลือก(หญ้าเลี้ยงสัตว์) ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงโดย อ.ศรีสำโรง มีพื้นที่ทําการเกษตรที่เหมาะสมสำหรับการปลูกข้าว (S1, S2) 197,202 ไร่ เหมาะสมเล็กน้อย (S3) และไม่เหมาะสม (N) 122,578 ไร่ สภาพพื้นที่แห้งแล้ง ดินขาดความอุดมสมบูรณ์

ทั้งนี้ แต่เดิมเกษตรกรปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม ใช้ต้นทุนสูง ผลผลิตน้อย และประสบปัญหาภัยแล้งเป็นประจำ มีน้ำไม่เพียงพอกับภาคเกษตร อุปโภค และบริโภค ซึ่งจากผลการดำเนินงานในพื้นที่ที่ผ่านมา เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ มีความพึงพอใจมาก เนื่องจากได้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นที่ สามารถกักเก็บน้ำมีแหล่งน้ำในช่วงหน้าแล้งหรือทำเกษตรผสมผสาน ได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิต เกิดรายได้เสริม และลดค่าอาหารในครัวเรือนได้ ส่งผลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ จะสนับสนุนให้ ต.นาขุนไกร เป็นโมเดลต้นแบบ ของจังหวัดสุโขทัยต่อไป
“เกษตรกรไทยส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา ซึ่งการเปลี่ยนอาชีพมาเลี้ยงโคคณิตศาสตร์ เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างรายได้ ใช้เวลาเพียง 3 ปี ก็สามารถคืนทุนได้ ผมจึงอยากเห็นพี่น้องเกษตรกรไทย ซึ่งเป็นกำลังซื้อส่วนใหญ่ของประเทศสร้างเงิน สร้างรายได้ จาก “เงินบาทแรกของแผ่นดิน” เพื่อหลุดพ้นจากความยากจน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯ ที่จะต้องหาแนวทางทำอย่างไรให้เกษตรกรไทยปรับเปลี่ยน ให้ลูกหลานเกษตรกรไทยมีรายได้อย่างยั่งยืน” รมช.เกษตรฯ กล่าว

สำหรับ แปลงของนายยุทธนา ทัยบุตร เดิมพื้นที่ปลูกข้าว ทั้งหมด 11 ไร่ พื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าว (N) ซึ่งเป็นการทำการเกษตรแบบเชิงเดี่ยว มีรายได้ปีละครั้ง พื้นที่มีปัญหาขาดแคลนน้ํา ปลูกข้าวไม่ได้ผลผลิต ซึ่งต่อมาสถานีพัฒนาที่ดินสุโขทัยได้ให้คำแนะนำการเข้าร่วมโครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Zoning by Agri-map) ปรับเปลี่ยนจากปลูกข้าวเป็นพืชทางเลือก (หญ้าเลี้ยงสัตว์)
นอกจากนั้น ปัจจุบัน เลี้ยงวัว จํานวน 50 ตัว มีการใช้ประโยชน์ที่ดิน แบ่งเป็น 1. ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ จํานวน 7 ไร่ (หญ้าแพงโกล่า) 2. ที่อยู่อาศัย และสระน้ํา จํานวน 2 ไร่ 3. คอกวัว จํานวน 2 ไร่ (50 ตัว) จากการเข้าโครงการฯ ทำให้มีรายได้จากการขายหญ้าแพงโกล่า ไร่ละ 4,000 บาท โดย 1 ปี ขายได้ 3 รอบ เป็นเงิน 12,000 บาท (ขาย 3 ไร่ เป็นเงิน 36,000 บาท/ปี) โดยกรมพัฒนาที่ดินได้เข้าดําเนินการโครงการก่อสร้างแหล่งน้ําในไร่นานอกเขตชลประทาน ขนาด 1,260 ลบ.ม. จํานวน 2 บ่อ จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ําโดยการปรับพื้นที่แบบมีคูน้ําความยาว 120 เมตร เพื่อการบริหารจัดการน้ำเพื่อปศุสัตว์อีกทางหนึ่ง
