นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เปิดเผยว่า “สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดมุ่งหมายของทางเทศบาลนครยะลา คือ ต้องการให้คนรุ่นใหม่ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบบ้านเมือง ในสิ่งที่ตัวเองฝัน ในสิ่งที่ตัวเองคิด ซึ่งการออกแบบบ้านเมือง ไม่จำเป็นต้องมีโครงสร้างของเมืองที่ดีเสมอไป แต่คือการทำอย่างไรให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีนั้นคือคำตอบ ฉะนั้นการบริการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่เป็นอำนาจหน้าที่ของเทศบาล จะต้องเป็นสิ่งที่มีคุณภาพ และที่สำคัญต้องตอบโจทย์ในสิ่งที่จะเป็นไปในอนาคต ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นการจุดประกายความคิดได้เยอะมาก จากสิ่งที่น้องๆหลายคนได้นำเสนอ ซึ่งเทศบาลนครยะลา รู้สึกทึ่งในความสามารถของลูกหลานคนยะลา ได้เห็นและได้เปลี่ยนมุมมอง ว่าวันนี้โลกเป็นโลกของคนรุ่นใหม่ หากเราไม่เปลี่ยนตาม สังคมก็จะเปลี่ยนเรา สิ่งที่จะทำให้ผู้บริหารเทศบาลนครยะลาได้มองต่อนอกเหนือจากการสร้างเมืองแล้ว เราจะต้องคิดว่าจะส่งเสริมเยาวชนอย่างไร ซึ่งเยาวชนไม่ใช่เฉพาะเยาวชน ที่มาแข่งขัน Yala Hackathon วันนี้ แต่หมายความว่าเยาวชนหลายคนที่มีความสามารถ แต่ขาดโอกาส จากที่ได้เห็นการนำเสนอโครงการของน้องๆ ผมกำลังคิดต่อว่า อยากพาเด็กๆ ที่ครอบครัวมีฐานะยากจน มาส่งเสริมการปลูกผักออแกนิก โดยใช้ที่ดินของเทศบาลที่มีอยู่ แล้วอาจจะขอใช้แอพพลิเคชั่นที่น้องๆนำเสนอในวันนี้ มาเป็นตัวช่วยเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และเชิญชวนคนยะลามาซื้อ มันก็เป็นการช่วยแก้ปัญหาที่เบ็ดเสร็จและสมบูรณ์ไปในตัว
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนที่ 2 หลายโครงการที่พวกเราได้คิด เช่น บริการซักอบรีดแบบเดลิเวอรี่ มันเสมือนการเติมความสมดุลที่ดีให้ความเป็นอยู่ ซึ่งเรื่องของการซักผ้ามันดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่อาจเป็นเรื่องใหญ่กับหลายคนที่ไม่มีเวลา ที่ต้องทำงาน ผมในฐานะเป็นผู้บริหารเทศบาลนครยะลา ได้มองเห็นความเป็นอยู่ของคน การมีบริการต่างๆ ผมคิดว่ามันก็เป็นการเติมความสมดุลที่ดี เพราะบางคนจากการซักผ้า ทำให้เวลาทั้งเสาร์-อาทิตย์ หมดไป แทนที่จะเอาเวลาเสาร์-อาทิตย์ ไปอยู่กับครอบครัวที่สามารถทำให้ครอบครัวมีความสุขได้
ส่วนที่ 3 ตนคิดว่าการที่น้องๆ นำเสนอโครงการ รถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะเป็นเรื่องที่ดี เทศบาลฯก็มานั่งคิดว่า ถ้าเราทำแล้ว ความถี่ของรถที่ผ่านไปแต่ละวัน โดยเฉพาะเส้นที่มีการคมนาคม มีความหนาแน่นของรถเยอะ เก็บข้อมูลต่างๆ ขึ้น ซึ่งก็ต้องไปเก็บข้อมูลว่าความคุ้มค่า ซึ่งวันนี้ถึงแม้โครงการของน้องๆจะเป็นความคิดเล็กๆ แต่มันช่วยจุดประกายให้เราได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องขอบคุณน้องๆทุกคนมาก เทศบาลฯก็คงจะสนับสนุนต่อ และหลายโครงการที่เกิดขึ้น ผมจะดูว่าจะมีวิธีการช่วยให้น้องๆไปต่อยอดกันอย่างไร อย่างน้อยสามารถส่งให้ลูกหลานชาวยะลาของเราขึ้นไปในระดับประเทศได้ เพราะความเป็นเมืองที่เป็น Smart City จะเป็นได้ไม่ใช่เพียงโครงสร้าง แต่คนต่างหากเป็นสิ่งสำคัญ คนรุ่นใหม่ทุกคนก็ต้องช่วยกันสร้าง ทำให้สังคม เชื่อมโยงและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และทำให้คนมีความคิดสร้างสรรค์ไปด้วย ผมว่าความเป็นต้นแบบของพวกเราจะเป็นแบบอย่างให้เด็กรุ่นหลัง ซึ่งเมื่อเราได้สร้างอะไรขึ้นมาเยอะๆ เมืองมีแต่ผู้สร้างสรรค์ทั้งหมด และความเจริญก็จะตามมา บริษัทใหญ่ๆก็จะสนใจที่อยากจะมาลงทุน สุดท้ายสิ่งที่เทศบาลนครยะลาได้จากการจัดโครงการ Yala Hackathon ก็ต้องขอขอบคุณทุกๆคนด้วย
สำหรับ ทีมผู้เข้ารอบ 20 ทีม ใช้เวลาการแข่งขัน 46 ชั่วโมง โดยให้มีการพบที่ปรึกษาพัฒนาโครงการที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ให้คำแนะนำแก่ผู้เข้าแข่งขัน การให้สัมภาษณ์จากตัวแทนภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อแชร์เรื่องราว ประสบการณ์ และให้ข้อแนะนำ ทั้ง 20 ทีม ทีมที่ชนะเลิศการแข่งขัน “ยะลาแฮคกะตอน” ได้แก่
-ทีม CrescTech มาในหัวข้อการพัฒนาเกี่ยวกับ Orderly บริการซักผ้าเดลิเวอรี่ รับ-ส่งถึงหน้าบ้าน ได้รับเงินรางวัล 15,000 บาท และได้ลงสำรวจพื้นที่จริงเพื่อนำโครงการเข้ามาบูรณาการในพื้นที่จริง
-ทีม LakeATECH มาในหัวข้อการพัฒนาเกี่ยวกับ “สร้างลูกระนาดที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ เพราะในจังหวัดยะลามีลูกระนาดเยอะมาก ซึ่งเราได้นำลูกระนาดเหล่านั้นมาพัฒนาต่อเพื่อให้สามารถผลิตไฟฟ้า ลดรายจ่ายให้แก่ครัวเรือนได้” รางวัลที่ 2 จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 10,000 บาท และได้ลงพื้นที่จริงเพื่อนำโครงการเข้ามาบูรณาการในพื้นที่จริง
-ทีม Troy มาในหัวข้อการพัฒนาเกี่ยวกับ “ขนส่งสาธารณะภายในเมืองเพื่อให้คนในเมืองมีการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น” รางวัลที่ 3 จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 8,000 บาท และได้ลงพื้นที่จริงเพื่อนนำโครงการเข้ามาบูรณาการในพื้นที่จริง
-ทีม Delighful ได้รับรางวัล popular vote มูลค่า 5,000 บาท มาในหัวข้อ ธนาคารผัก เน้นผัก organic เป็นการส่งผักถึงผู้บริโภคตรงโดยไม่ผ่านพ่อค้าออนไลน์
