
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 14 – 20 มีนาคม พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 833,095 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 598 ข้อความ
สำหรับ ช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 561 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 28 ข้อความ ช่องทาง Website จำนวน 1 ข้อความ และผ่านชองทาง Facebook จำนวน 8 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 200 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 64 เรื่อง
กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 85 เรื่อง
กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 77 เรื่อง
กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 9 เรื่อง
กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 9 เรื่อง
กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 20 เรื่อง
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ พบว่าเป็นข่าวเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ โครงการของรัฐ การให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน และวิตกกังวลได้ รวมทั้งอาจเกิดความเสียหายต่อข้อมูลส่วนบุคคล และทรัพย์สิน โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่
อันดับที่ 1 : เรื่อง ทหารเขมรขับรถถังเคลื่อนพลพร้อมอาวุธ ประชิดชายแดนไทย
อันดับที่ 2 : เรื่อง แจกเร็วขึ้น! เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 เลื่อนจ่ายจากเมษายน เป็นมีนาคม 68
อันดับที่ 3 : เรื่อง เงินดิจิทัล เฟส 3 โอนเข้าบัญชีแล้ว
อันดับที่ 4 : เรื่อง ธนาคารออมสินยกเลิกบูโร เปิดให้ลงทะเบียนกู้สินเชื่อ 300,000 บาท ไม่ต้องมีผู้ค้ำ
อันดับที่ 5 : เรื่อง เขมรส่งโดรนบินสำรวจตอนมืดและขุดบังเกอร์ขนาดใหญ่จุ 40 คน
อันดับที่ 6 : เรื่อง ออมสิน ร่วมมือกับ ธ.ก.ส. เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนกู้ วงเงิน 100,000 บาทต่อคน
อันดับที่ 7 : เรื่อง อดีต ผกก. โจ้ จัดฉากตาย แอบหนีออกเรือนจำ
อันดับที่ 8 : เรื่อง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดให้ติดต่อผ่านช่องทางไลน์
อันดับที่ 9 : เรื่อง หลุดก่อนหวยออก! เลขสลากกินแบ่งฯ 16 มี.ค. 68 ว่อนโซเชียล
อันดับที่ 10 : เรื่อง เพจใบขับขี่ออนไลน์ เปิดให้ทำใบขับขี่ถูกกฎหมาย 100% ไม่ต้องสอบ
“เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคงของประเทศ โครงการของรัฐบาล การให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อประชาชน โดยในส่วนของข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความสับสนในสังคม ด้านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และการให้บริการของหน่วยงานรัฐ ขอให้ประชาชนระมัดระวัง การแอบอ้างของมิจฉาชีพ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงทำให้สูญเสียข้อมูลส่วนบุคคล และทรัพย์สินได้ โดยหากมีการแชร์ส่งต่อกันไปในสังคม มีผลทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ส่งผลกระทบกับประชาชนทั่วประเทศเป็นวงกว้าง” นายเวทางค์ กล่าว
สำหรับ อันดับ 1 เรื่อง “ทหารเขมรขับรถถังเคลื่อนพลพร้อมอาวุธ ประชิดชายแดนไทย” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับกองทัพบก กระทรวงกลาโหม ตรวจสอบพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า กองทัพบกได้ตรวจสอบกับหน่วยทหารในพื้นที่ พบว่า ไม่มีการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับทหารกัมพูชาขับรถถังเคลื่อนพลพร้อมอาวุธมายังชายแดนของประเทศไทยแต่อย่างใด และข่าวสารดังกล่าวไม่สามารถพิสูจน์ทราบแหล่งที่มา หรือแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม
ในส่วนข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “แจกเร็วขึ้น! เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 เลื่อนจ่ายจากเมษายน เป็นมีนาคม 68” กระทรวงดีอี ประสานงานร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตรวจสอบพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ปัจจุบันมีการสร้างข่าวปลอม เกี่ยวกับโครงการของรัฐเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสน จึงขอแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งทางการเท่านั้น โดยโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท สามารถตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
1. แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตรวจสอบสิทธิ์และผลการได้รับเงิน
2. เว็บไซต์โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet www.digitalwallet.go.th
3. เว็บไซต์กระทรวงการคลัง www.mof.go.th
4. Call Center ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร. 1111
โดยขอเตือนประชาชน โปรดอย่าหลงเชื่อข่าวลือ และติดตามประกาศอย่างเป็นทางการจากภาครัฐเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทันส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เกิดความวิตกกังวล หรืออาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด
สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)
| Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com