
เมื่อวันที่ 2 มกราคม ที่บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวสัปรด บ้านด่านใหม่ ต.เกาะช้างอ.เกาะช้าง จ.ตราด ตั้งแต่ช่วงสายๆที่ผ่านมา ถือเป็นวันสุดท้ายของวันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวอ.เกาะช้าง จ.ตราดเริ่มเดินทางกลับภูมิลำเนาและนำรถยนต์มารอลงเรือเฟอร์รี่ของเกาะช้างเฟอร์รี่ แต่เนื่องจากรถยนต์มีจำนวนมาก ทำให้ต้องรอคิวลงเรือเฟอร์รี่จำนวน 4 ลำที่เปิดให้บริการรับนักท่องเที่ยว โดยสามารถนำรถยนต์ลงเรือทั้ง 4 ลำได้ชั่วโมงละ 150-200 คน/ชั่วโมง
ทั้งนี้ รถยนต์ที่ต่อคิวกันลงเรือเฟอร์รี่เกาะช้างเฟอร์รี่มีจำนวนกว่า 500-600 คันและติดยาวถึงบริเวณปั๊มน้ำมันปตท.เกาะช้าง บ้านคลองสน ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง โดยผู้ประกอบการได้เปิดช่องทางการจำหน่ายตั๋วลงเรือเฟอร์รี่ 2 ช่องทางและนำเรือเฟอร์รี่มาจอดเทียบทั้ง 2 ท่า เพื่อเร่งระบายรถยนต์ในท่าเรือให้เร็วที่สุด และเมื่อถึงฝั่งอ.แหลมงอบแล้ว จะรับรถยนต์ที่ฝั่งแหลมงอบมาทันทีโดยไม่รอให้เต็มลำก่อน

ทั้งนี้ พ.ต.อ.กังวาล กังธาราทิพย์ ผกก.สภ.เกาะช้าง ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.บุญช่วยแก้วมาลัย รองผกก.ที่ดูแลด้านการจราจรนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เกาะช้างประสานกับเจ้าหน้ากู้ภัยเกาะช้างและฝ่ายปกครองอำนวยความสะดวกและดูแลให้เกิดความเรียบร้อย
พ.ต.ท.บุญช่วย กล่าวว่า มีรถยนต์จำนวนมากเดินทางกลับมาตั้งแต่เมื่อวานนี้และรถยนต์ก็จะรอคิวลงเรือเฟอร์รี่เหมือนวันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในช่วงเทศกาล บางครั้งติดยาวไปถึงหน้าสำนักงานอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ยาวเกิน2กม. แต่เมื่อวานนี้กับช่วงสายจนถึง 11.00 น.รถยนต์ยังไม่มาก แต่ก็ยังต้องรอคิวลงเรือเฟอร์รี่นาน 1-2 ชม.ซึ่งวันนี้น้ำทะเลขึ้นทำให้สามารถนำเรือเฟอร์รี่มารับได้ทั้ง 4 ลำ ขณะที่อีกท่าเรือหนึ่งปิดบริการชั่วคราวไปแล้ว ทางตำรวจและอาสากู้ภัยเกาะช้างทำได้แต่การอำนวยความสะดวกและป้องกันไม่ให้มีการแซงคิวกันและอาจจะเกิดทะเลาะกัน คาดว่าในช่วงเย็นน่าจะระบายรถยนต์ในอ.เกาะช้างกลับภูมิลำเนาได้ทั้งหมด

สำหรับ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางท่องเที่ยวเกาะช้างในปีใหม่นี้ จะท่องเที่ยวตามชายหาดทั้งหาดทรายขาว หาดไก่แบ้ หาดคลองพร้าว และเดินทางไปดำน้ำดูประการังที่หมู่เกาะรัง โดยที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวกว่า 3 หมื่นคนท่องเที่ยวในอ.เกาะช้าง ซึ่งร้อยละ 70 เป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศในกลุ่มยุโรป เช่นเยอรมัน ฝรั่งเศสและสแกนดิเนเวีย ที่หนีหนาวมาเที่ยวไทยและมุ่งมาที่เกาะช้างเป็นหลัก สร้างรายได้ให้จังหวัดตราดนับพันล้านบาท

