“อนุทิน”แถลงจับกุมยาบ้าล็อตใหญ่ 7 ล้านเม็ดชื่นชมตำรวจ-ฝ่ายปกครองทำงานหนัก

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง ร่วมแถลงการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด ของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 7 ล้านเม็ด เหตุเกิดที่ จ.บึงกาฬ และขยายผลจับกุมใน จ.อุดรธานี โดยมี ผู้บัญชาการตำรวจภูธร 4 ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นายอำเภอบุ่งคล้า และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ร่วมในการแถลง ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น

นายอนุทิน กล่าวว่า การจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ครั้งนี้เป็นผลจากการทำงานที่ใกล้ชิดระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.บึงกาฬ และเบื้องต้นผู้กระทำผิดได้หลบหนีไปทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองร่วมกันขยายผลจากหลักฐานต่างๆ จนสามารถจับกุมได้ที่จังหวัดอุดรธานี และสอบสวนพบว่าผู้กระทำผิดได้ลักลอบนำยาเสพติดเหล่านี้มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตามแนวชายแดนเป็นพื้นที่ ๆ ยากต่อการควบคุมให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นแต่เราก็ใช้การข่าวตามข้อมูลในพื้นที่จนจับกุมได้

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้รับการมอบหมายให้ดูแลการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งการมาครั้งนี้นอกจากจะได้นำนโยบายของรัฐบาลมามอบให้แก่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังเป็นโอกาสได้มาแสดงความขอบคุณทุกท่านที่ได้ทุ่มเทเสียสละในการสร้างผลงานในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งการจับกุมก็สามารถทำมาได้ดีโดยตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาแม้จะมีการจับกุมในครั้งใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดในจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านหรือในจังหวัดที่ผู้ค้านำสิ่งผิดกฎหมายไปพักเอาไว้ โดยขอย้ำว่าทุกภาคส่วนมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ที่จะป้องกันและปราบปรามจับกุมผู้ที่มีความไม่หวังดีกับชาติบ้านเมือง ไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลใดๆ

“ผมขอขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจภาค 4 ตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ที่ได้ทุ่มเทเสียสละให้ความร่วมมือ ขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ จังหวัดขอนแก่น รองผู้ว่าฯที่เป็นผู้อำนวยการในการป้องกันและปราบปรามการค้ายาเสพติด อำเภอบุ่งคล้า พี่น้อง อส. พี่น้องอาสาสมัคร กำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่ร่วมกันชี้เบาะแส ช่วยเหลือด้านการข่าวต่างๆ ให้เราได้สามารถจับกุมยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก ยาเสพติดให้โทษไม่เคยทำให้เกิดผลดีกับประเทศ พวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่เรายังมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะต่อสู้ ประกาศเป็นศัตรูกับการค้ายาเสพติดทุกรูปแบบขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจและขอให้เชื่อมั่นในความมุ่งมั่นที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้ หมดไป เข้ามาเมื่อไหร่เราจะใช้ทุกสรรพกำลังต่อสู้อย่างแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ขอเตือนอีกครั้งกับผู้ที่คิดว่าค้ายาเสพติด หรือรับจ้างขนส่งยาว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้า ผู้ผลิตหรือผู้รับขนส่งยาเสพติด ทุกคนมีโทษเท่ากันเท่ากับคนที่เป็นเจ้าของยาเสพติด ขอย้ำว่า ไม่มีความคุ้มค่าเลย ส่วนตัวเคยสัมภาษณ์ผู้ต้องหาที่รับจ้างขนส่ง บางครั้งได้ค่าขนส่งเพียง 3,000 บาท ไกลหน่อยก็สูงขึ้น แต่ไม่เคยเห็นใครที่ได้หนึ่งล้านบาท หรือห้าแสนบาท หรือหลักเกินล้าน ดังนั้นจึงไม่คุ้มค่าเลยที่จะทำ และมีโทษเบื้องต้นคือประหารชีวิตแน่นอน โดยเฉพาะค้า หรือขนส่งระดับล้านเม็ดเช่นนี้ ต้องหาทางในการสร้างรายได้ที่ดีกว่านี้ เมื่อถูกจับแล้วก็ไม่ได้รับอภัยโทษใดๆ เลย เริ่มโทษมาก็เป็นโทษประหารชีวิตแล้ว หรือแม้จะรอดจากโทษประหารชีวิตก็เป็นจำคุกตลอดชีวิต

รมว.มหาดไทย กล่าวว่า หากบอกว่าจำเป็นต้องทำเพราะว่ามีภาระทางบ้าน มีครอบครัว มีลูก ถ้าท่านนึกถึงลูกและครอบครัวจะต้องไม่ทำสิ่งเหล่านี้ เพราะท่านถูกจับแล้วอาจพลัดพลากจากพวกเขาไปตลอดชีวิต แล้วยังทำให้ลูกบุคคลที่ท่านรักต้องได้รับความอับอาย เวลาเข้าไปในสังคมอาจจะถูกคนตีตราหรือล้อเลียนว่าพ่อขายยาเสพติด ขนยาเสพติดติดคุกเพราะยาเสพติด สิ่งเหล่านี้มันไม่เป็นผลดีใดๆต่อคนที่ท่านบอกว่าท่านยอมทำเพราะความรักเขา ท่านจะไม่เจอสภาพที่เป็นครอบครัวอีกแล้ว จะเจอเฉพาะตอนมาเยี่ยมในที่คุมขังเท่านั้นจะเป็นชีวิตที่ทรมานมาก ที่เขาบอกว่านรกมีจริงนั่นคือนรกจริงๆ ที่เราไม่สามารถไปใช้ชีวิตอันเป็นปกติกับครอบครัว ขอให้อยู่ห่างจากกระบวนการค้ายาเสพติดจะได้ไม่ไปอยู่สภาพแบบนี้ ขอให้สื่อมวลชนช่วยกันขยายผลให้ความรู้ข้อมูลกับผู้ที่คิดจะหลงผิดเพียงเพราะรายได้เล็กน้อย เขาจะได้เลิกความคิดนั้นเสีย ยังมีอาชีพอื่นๆ อีกมากมายที่จะไปประกอบได้และยังสามารถหาเลี้ยงจุนเจือครอบครัวได้ อย่าใช้วิธีทางลัดแบบนี้

สำหรับ การจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาเสพติดล็อตใหญ่ครั้งนี้ เริ่มต้นจากมีประชาชน ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ แจ้งจักรยานยนต์สูญหาย จากนั้นฝ่ายปกครองของ อ.บุ่งคล้า ประกอบด้วยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ผรส.) ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บุ่งคล้า ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บุ่งคล้า วางแผนเพื่อค้นหารถจักรยานยนต์ที่สูญหาย โดยช่วงเวลา 04.10 น. ของวันที่ 1 ก.ย. 67 ได้ไปพบรถยนต์กระบะต้องสงสัยขับผ่านมา แล้วเลี้ยวเข้าไปในซอยและจอดรถ โดยไม่ได้ดับเครื่องยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทราบว่าไม่ใช่รถยนต์ของบุคคลในพื้นที่ จึงเข้าไปตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าว ปรากฎว่าผู้กระทำผิดได้เปิดประตูรถและวิ่งหลบหนีเข้าไปในสวนยาพาราของประชาชน

เมื่อเข้าไปตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเป็นรถยนต์กระบะสี่ประตู ยี่ห้อ ISUZU รุ่นดีแมกซ์ สีเขียว และพบกระสอบห่อหุ้มด้วยด้วยถุงพลาสติกสีดำ บริเวณท้ายรถจำนวนหลายกระสอบ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นยาเสพติดประเภทยาบ้า จำนวน 16 กระสอบ เมื่อตรวจนับแล้วเป็นจำนวนประมาณ 7,000,000 เม็ด จึงได้ร่วมกันทำการตรวจยึด

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.บุ่งคล้า ประสานกับ บก.สส.ภ.4 ติดตาม จับกุมผู้กระทำผิดที่หลบหนี จนกระทั่งทราบว่า 1 ในผู้ต้องหา ได้หลบหนีจากที่เกิดเหตุไปยังพื้นที่ตอนใน ต่อมาเวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม สามารถจับกุมตัวนายธีรเดช หรือ นายโน๊ต ผู้ต้องหา ได้ที่บริเวณ บขส.เก่า ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี โดยนายโน๊ต รับสารภาพว่าตนเป็นผู้ขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ไปรับยาเสพติดที่ลักลอบลำเลียงมาจากประเทศเพื่อนบ้านร่วมกับท้าวใหญ่ (สัญชาติลาว) จริง โดยได้รับการว่าจ้างจากเจ้าของยาเสพติดชาวลาว และจะนำไปส่งต่อในพื้นที่ตอนในของประเทศต่อไป

คดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายอันก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้กระทำความผิดส่งพนักงานสอบสวน สภ.บุ่งคล้า ภ.จว.บึงกาฬ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว

ทั้งนี้ หากพบเบาะแสการกระทำความผิดทุกรูปแบบขอให้เเจ้งข้อมูลที่ศูนย์ดำรงธรรม สายด่วน 1567 หรือ ที่สายด่วน 191 โดยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เเจ้งเบาะเเสจะถูกคุ้มครองไม่ให้ได้รับภยันตรายใด ๆ จาการเเจ้งเบาะแสโดยเด็ดขาด จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศไทยไปด้วยกัน

Message us